พงศ์เทพยันประชามติ 2 ครั้ง แต่ต้องให้ศาลรธน.ชี้ขาด “ปิดทาง” บรรดานักตีความ

13 กุมภาพันธ์ 2568 พงศ์เทพ เทพกาญจนา ในฐานะอดีตสสร. กล่าวว่า กว่าจะมีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนในปี 2540 มันมีความวุ่นวายที่ก่อตัวมากกว่าที่เราเผชิญในวันนี้เยอะ สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม 2535 ทำให้มีการตื่นตัวและเรียกร้องรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เปิดโอกาสให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ตามด้วยการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่ประชาชนมีส่วนร่วม อย่างไรก็ตามสสร.ในเวลานั้นเปลี่ยนระบบการได้มาซึ่งวุฒิสมาชิกจากการแต่งตั้งเป็นเลือกตั้ง ซึ่งสว.คงไม่ชอบแต่ด้วยเสียงของประชาชน สว.ที่ไม่เห็นด้วยก็ยังลงคะแนนให้รัฐธรรมนูญปี 2540 อย่างไรก็ตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่กำลังเรียกร้องกันอยู่นี้ “ไม่กล้วยหรอกครับ” เพราะกติกาตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันทำให้เกือบจะเป็นไปได้ยากยิ่ง การได้มาของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ถึงแม้ว่าจะได้เสียงในสภาท่วมท้นแต่ต้องได้เสียงสว.อย่างน้อย 67 เสียง

พงศ์เทพยันประชามติ 2 ครั้ง แต่ต้องให้ศาลรธน.ชี้ขาด “ปิดทาง” บรรดานักตีความ

“ผมเองก็ติดตามการประชุมสภาเมื่อเช้าก็เห็นญัตติของนพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ หมอเปรมศักดิ์ยื่นญัตติบอกว่า มีปัญหาเกี่ยวด้วยอำนาจหน้าที่ของรัฐสภาให้ส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยก่อนว่ารัฐสภาจะพิจารณาและลงมติญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเปิดโอกาสให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยยังไม่มีการลงประชามติว่าประชาชนต้องการรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้หรือไม่ ปัญหาตรงนี้เราจะเห็นเถียงมานานแล้ว ผมต่อสู้มาสองปีแล้วผมบอกว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้คือคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 ศาลรัฐธรรมนูญบอกว่า ถ้ารัฐสภาต้องการจะให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต้องให้ประชาชนลงประชามติก่อน มีการตีความคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ พวกหนึ่งก็ตีความว่า ต้องมีการทำประชามติ 3 ครั้ง ครั้งแรกก่อนที่จะบรรจุวาระญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญให้มีสสร.ต้องทำประชามติก่อน เมื่อประชามติบอกว่าประชาชนเห็นชอบแล้วถึงจะพิจารณา เสนอญัตติเสนอร่างรัฐธรรมนูญแล้วก็พิจารณากันไป พอได้รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมต้องประชามติครั้งที่ 2 พอมีการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ต้องทำประชามติครั้งที่ 3”

“ซึ่งผมก็ยืนยันมาตลอด ผมอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญฉบับกลาง ดูคำวินิจฉัยส่วนตนของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแต่ละท่านในเรื่องนั้น ผมบอกว่าเขาบอกให้ทำประชามติแค่ 2 ครั้งเท่านั้นแหละครับ ตอนที่ญัตติเข้าไปไม่ต้องทำประชามติ พิจารณาไปเลยเสร็จวาระ 3 จากนั้นแล้วค่อยทำประชามติว่า ประชาชนเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่เปิดโอกาสให้มีสสร.หรือไม่ ถ้าประชาชนเห็นชอบกระบวนการตรงนั้น…จากนั้นก็มีสสร.”

“พอสสร.ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็ไปทำประชามติอีกครั้งว่าประชาชนเห็นชอบหรือไม่ก็จบ ทีนี้มันก็มีคนที่อาจจะเข้าใจจริงๆ โดยบริสุทธิ์ใจว่า มันต้องทำ 3 ครั้ง ถ้าไม่ทำ 3 ครั้งก่อนทำได้ไม่ได้เลย ต้องทำครั้งแรกก่อน อีกพวกหนึ่งก็อาจจะไม่เชื่ออย่างนั้นก็ได้ แต่ว่าไม่อยากให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เขาจะเอาตรงนี้มันเป็นเหตุ…เช่นเขาบอกว่า ก็ถ้าเกิดยังไม่มีประชามติว่าให้ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้เนี่ย รัฐสภาจะพิจารณาญัตติเรื่องนี้ไม่ได้เลย เขาบอกว่าถ้าไปร่วมพิจารณาก็เป็นความผิด…เขาก็เลยบอกผมก็ไม่เข้าร่วมพิจารณาไง”

“การพิจารณารัฐธรรมนูญไม่ใช้เสียงปกติ การจะผ่านวาระหนึ่งต้องมีเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภาทั้งหมดเท่าที่มีอยู่…ตรงนี้ผมเองก็เข้าใจนะว่า ถ้าเราไม่มีอะไรไปยันความเห็นตรงนี้ว่า ต้องมีการทำประชามติแค่ 2 รอบเท่านั้น สมาชิกจำนวนหนึ่งเขาจะไม่เข้าประชุม อ้างเหตุผลใดเดี๋ยวผิดกฎหมายหรือเข้าประชุมก็ไม่ลงมติ งั้นตรงนี้ของหมอเปรมศักดิ์ที่มีการเสนอเข้ามาเป็นโอกาสดีที่ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญจะได้ชี้ขาด แล้วผมเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลาไม่นานคดีแรก 4/2564 ใช้เวลาเดือนเดียว คดีที่สองง่ายกว่าอีกผมเชื่อใช้เวลาไม่นานเพราะฉะนั้นตรงนี้ช้าหน่อยแบบยังมีโอกาสดีกว่าดีกว่าเสนอเข้าไปเลย แล้วก็อย่างที่ว่าครับ สมาชิกจำนวนมากไม่ยอมเข้าประชุมก็ตกแน่นอนถ้าเป็นอย่างนี้”

📍ร่วมรณรงค์

JOIN : ILAW CLUB

ช่องทางการติดตาม

FACEBOOK PAGE

บทความยอดนิยม

วิดีโอแนะนำ

Amnestypeople.com
Join iLaw club
Facebook Fanpage