22 มกราคม 2568 ก้อง-อุกฤษฏ์ สันติประสิทธิ์กุล จำเลยคดีมาตรา 112 ที่ถูกคุมขังระหว่างการฎีกาเขียนจดหมายถึงอาร์ม-อาภัสรา ตรวจนอก เพื่อนของเขา โดยระบุความผิดหวังที่ศาลปฏิเสธสิทธิการประกันตัว ทั้งที่เขาให้เหตุผลว่า จะออกไปสอบภาคเรียนสุดท้ายที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงเนื่องจากมหาวิทยาลัยไม่จัดสอบในเรือนจำให้เขา
“…เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ( 21 ม.ค. 68) ทนายมาเยี่ยมเราเพื่อบอกผลการประกันตัว ซึ่งยื่นไปเมื่อวันพุธของสัปดาห์ที่แล้ว (15 ม.ค. 68) โดยผลออกมาก็ยังเหมือนเดิมคือศาลยกคำร้องการประกันตัวเรา พอผลออกมาแบบนี้ทำให้เรารู้สึกเสียใจกับการตัดสินที่อยุติธรรมและผิดหวังที่ผู้มีอำนาจใช้ความอยุติธรรมปิดอนาคตของคนรุ่นใหม่คนหนึ่ง ทั้งๆ ที่เรายื่นเหตุผลประเด็น การศึกษาที่เราต้องไปสอบซ่อมภาคเรียนที่ 1/ 2567 ณ ม.รามคำแหงที่เดียว โดยทาง ม.รามคำแหง ไม่สามารถให้นักศึกษา รามสอบนอกสถานที่ได้พร้อมเอกสารหลักฐาน (เอกสารลงทะเบียนเรียน, ตารางสอบซ่อมดังกล่าว และหนังสือที่ทาง ม. รามคำแหง ปฏิเสธการสอบดังกล่าว ) มาประกอบแล้ว โดยเราเหลือไม่กี่วันก็จะสอบซ่อมดังกล่าว แต่ผู้มีอำนาจปิดประตูสู่อนาคตชีวิตของเราเป็นที่เรียบร้อย สรุปที่อยากจะบอกกับผู้มีอำนาจไม่กี่ประโยคเลยคือ ถ้าไม่ให้ประกันตัวแก่เราก็ไม่ต่างกับการที่ผู้มีอำนาจฆ่าชีวิตในอนาคตของคนๆ หนึ่งที่สามารถพัฒนาสังคมและประเทศชาติต่อไปได้
เรื่องต่อมาหนังสือยื่นขอสอบนอกสถานที่ที่ให้อาจารย์ประจำวิชาและคณบดีคณะนิติศาสตร์นั้นเราขอขอบคุณจากใจสำหรับทุกคนที่ขับเคลื่อนประเด็นการศึกษาของเราที่ทำให้นักศึกษารามคนหนึ่งได้ทำตามเป้าหมายคือการเรียนป.ตรีให้จบเพื่อนำวุฒินั้นไปรับใช้ในการพัฒนาประเทศต่อไป แต่ต้องกล่าวตามตรงว่าสุดท้ายเรามีโอกาสสูงที่จะไม่ได้สอบซ่อมและสอบปลายภาค ถ้าหากผู้มีอำนาจยังบังคับไม่ให้เราสอบถึงแม้จะไม่ได้สอบซ่อมดังกล่าวนั้น เราก็อยากให้องค์กรเคลื่อนไหวภาคประชาชน ภาคมหาวิทยาลัยและพี่น้อง เพื่อนนักศึกษารามทุกท่านขับเคลื่อนประเด็นการศึกษาของเราต่อไปจนกว่าจะคืนสิทธิการสอบของเราในฐานะนักศึกษารามคนหนึ่งที่เหลืออีก 3 วิชาก็จะจบแล้ว
สุดท้ายจดหมายที่อาร์มส่งมาล่าสุด เราเข้าใจดีกับความรู้สึกที่สื่อเพราะตอนนี้เราก็ไม่ต่างอะไรกับคนข้างนอกที่ต้องดิ้นรนเพื่อเป้าหมายชีวิตของเรา บางทีก็เหนื่อยมากจนร้องไห้ออกมาที่เราทำเป้าหมายไม่สำเร็จ แต่ไม่ว่ายังไง เราอ่านหนังสือเตรียมสอบเสมอเพราะถ้าเรายังสู้ต่อ เรายังเชื่อว่าจะถึงเป้าหมายในเร็ววันก็เลยอยากให้กำลังใจอาร์มและคนข้างนอกในการต่อสู้เพื่อชีวิตที่ดีกว่านี้และเราสัญญาเลยว่าต้องมีสักวันที่เราจะได้ดูอาร์มเล่นดนตรีบนเวทีสักแห่งหนึ่ง ถ้าได้รับอิสรภาพกลับคืนมาอีกครั้ง”