ชวนจับตาคำพิพากษาคดีม. 112 คดีที่หนึ่งของ ‘บังเอิญ’ ศิลปินอิสระชาวขอนแก่น
29 มกราคม 2568 เวลา 9.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 703 ศาลอาญานัด ‘บังเอิญ’ ศิลปินอิสระชาวขอนแก่นวัย 26 ปีฟังคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ 1901/2566 กรณีถูกกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และพ.ร.บ.คอมฯ จากการโพสต์ภาพรัชกาลที่สิบและครอบครัวพร้อมข้อความเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2565
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2566 ‘บังเอิญ’ ถูกตำรวจจากกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) จับกุมตามหมายจับของศาลอาญา โดยมีผู้ร้องทุกข์คือ อานนท์ กลิ่นแก้ว แกนนำศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ซึ่งเห็นว่า มีลักษณะดูหมิ่น หมิ่นพระเกียรติรัชกาลที่สิบจึงมาร้องทุกข์ไว้ตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2565 ‘บังเอิญ’ ไม่เคยได้รับหมายเรียกในคดีนี้มาก่อน ทั้งนี้ตำรวจขอศาลออกหมายจับหลังเหตุการณ์พ่นสีที่กำแพงพระบรมมหาราชวังเพียงสองวัน เขาให้การปฏิเสธตั้งแต่ชั้นตำรวจมาจนถึงนัดสอบคำให้การในศาลอาญา
วันที่ 28 มิถุนายน 2566 อัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง ‘บังเอิญ’ ตามคำฟ้องระบุว่า ‘บังเอิญ’ โพสต์ภาพพื้นหลังของเฟซบุ๊กส่วนตัวของเขา เป็นภาพรัชกาลที่สิบและพระบรมวงศานุวงศ์ราชวงศ์จักรีพระองค์อื่นๆ มีการนำหน้ากากมาใส่บนพระพักตร์ของรัชกาลที่เก้าและรัชกาลที่สิบ รวมถึงพระบรมวงศานุวงศ์องค์อื่นๆ ประกอบคำบรรยายภาพ รูปภาพและข้อความทำให้ประชาชนเข้าใจว่า บุคคลในภาพเสียสติคล้ายคนบ้า ใช้อำนาจมนต์ดำ ใช้อำนาจมืดปกครองบ้านเมือง
คดีนี้ศาลนัดสืบพยานโจทก์และจำเลยวันที่ 26 และ 27 พฤศจิกายน 2567 ก่อนศาลมีนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 29 มกราคม 2568 ‘บังเอิญ’ ถูกกล่าวหาตามมาตรา 112 รวมสองคดี อีกคดีหนึ่งมีอานนท์เป็นผู้ร้องทุกข์เช่นเดียวกัน เหตุจากการโพสต์รูปภาพตนเองขณะยืนอยู่ใกล้แท่นด้านหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่สิบและพระราชินี โดยใช้มือซ้ายถือรองเท้าหนึ่งข้างหันไปทางบริเวณด้านหน้าพระบรมฉายาลักษณ์
นอกจากนี้ยังมีคดีการเมืองอื่นๆ อีกสามคดี โดยคดีที่เป็นที่รู้จักคือ คดีพ่นสีกำแพงพระบรมมหาราชวังในเดือนมีนาคม 2566 วันเกิดเหตุเขาตั้งใจจะพ่นสีเป็นสัญลักษณ์ Anarchy 112 ขีดฆ่าและ PEOPLE พ่นไปได้สองส่วนแรก กำลังจะพ่นคำว่า PEOPLE แต่ถูกจับเสียก่อน คดีนี้ศาลอาญาพิพากษาว่า มีความผิดตามพ.ร.บ.ความสะอาดฯ และพ.ร.บ.โบราณสถานฯ ลงโทษบทหนักที่สุดคือ พ.ร.บ.โบราณสถานฯ จำคุกหนึ่งปี ลดเหลือแปดเดือน
คำพิพากษา
29 มกราคม 2568 เวลา 09.00 ห้องพิจารณาคดีที่ 703 ศาลอาญานัด ‘บังเอิญ’ ฟังพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ.1901/2566 กรณีโพสต์รูปภาพครอบครัวของรัชกาลที่ 10 พร้อมข้อความเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2565 ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์(พ.ร.บ.คอมฯ) มีมวลชนมาร่วมรับฟังการพิจารณาคดีและให้กำลังใจ ‘บังเอิญ’จำนวนหนึ่ง
เวลา 09.20 น. ศาลออกนั่งบัลลังก์และเริ่มอ่านคำพิพากษาในเวลา 09.25 น. โดยมีใจความว่าเนื่องจากพยานโจทก์ทั้งสามคนล้วนเบิกความตรงกันว่าภาพและข้อความของจำเลยเป็นการดูหมิ่นรัชกาลที่ 10 อีกทั้งคมสันต์และกัญจ์บงกชซึ่งเป็นบุคคลทั่วไปยังให้การต่อพนักงานสอบสวนในทำนองเดียวกันกับพยานโจทก์อีกสามคน
เมื่อพิจารณาภาพที่จำเลยดัดแปลงจากต้นฉบับเห็นด้วยว่าจำเลยทำให้เป็นภาพขาวดำ ใช้สีดำตกแต่งพระพักตร์รัชกาลที่ 10 และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ดูน่ากลัวแตกต่างจากต้นฉบับที่เป็นภาพสีที่งดงาม พร้อมทั้งใส่ชื่อภาพว่า “วิปลาส อำนาจ มนต์ดำ” พร้อมกับข้อความเผด็จการจงพินาศประชาราษฎร์จงเจริญ และยกเลิก 112 เป็นต้น
แสดงว่ารูปภาพและข้อความดังกล่าว จำเลยต้องการสื่อให้ประชาชนทั่วไปที่มาเห็นเข้าใจว่า รัชกาลที่ 10 ใช้อำนาจประมุขคลาดเคลื่อน ใช้อำนาจมนต์ดำและเป็นเผด็จการ ทั้งที่กษัตริย์เป็นที่เคารพสักการะของคนไทย จึงเชื่อได้ว่าจำเลยทำเพื่อใส่ความรัชกาลที่ 10 โดยเฉพาะข้อความ “ยกเลิก 112” จำเลยเบิกความว่าต้องการให้แก้ไข-ยกเลิก 112 ซึ่งเป็นข้อหาตามฟ้อง ชี้ให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาดูหมิ่นรัชกาลที่ 10
ศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมฯ ให้ลงโทษตามมาตรา 112 ซึ่งเป็นโทษที่หนักที่สุด จำคุกสี่ปี ทางนำสืบมีประโยชน์ ลดโทษให้หนึ่งในสี่ คงจำคุกสามปี และให้เพิ่มโทษจำคุกหกเดือนสิบวัน จากคดีหมายเลขแดง อ.49/2564 (คดีส่วนตัว) ที่รอการลงโทษไว้ที่ศาลจังหวัดขอนแก่น รวมโทษจำคุกเป็นสามปี หกเดือน สิบวัน ไม่รอลงอาญา และให้นับโทษต่อจากคดี อ.1803/2566 ของศาลนี้
เวลาประมาณ 09.40 ตำรวจศาลเข้าควบคุมตัว‘บังเอิญ’ และนำตัวลงไปยังห้องเวรชี้เพื่อรอการประกันตัวระหว่างยื่นอุทธรณ์คดี