วันที่ 16 ธันวาคม 2567 ที่ประชุมวุฒิสภามีวาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือร่างกฎหมายห้ามตีเด็ก ซึ่งผ่านการพิจารณาจากชั้นสภาผู้แทนราษฎรมาแล้วสามวาระ
สาระสำคัญของร่างกฎหมายดังกล่าว แก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1567 (2) เพียงอนุมาตราเดียวเท่านั้น โดยกฎหมายนี้ใช้บังคับอยู่ ระบุว่า ผู้ใช้อำนาจปกครอง (พ่อแม่) มีสิทธิทำโทษบุตรตามสมควรเพื่อว่ากล่าวสั่งสอน โดยไม่มีหลักประกันว่าวิธีการลงโทษนั้นต้องไม่เป็นการทารุณกรรม ส่งผลให้อำนาจหรือดุลยพินิจในการเลือกวิธีลงโทษอยู่ที่พ่อแม่ของเด็กเอง ในชั้นสภาผู้แทนราษฎรได้แก้ไขบทบัญญัติดังกล่าว เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองมีสิทธิทำโทษบุตรเพื่อว่ากล่าวสั่งสอนหรือปรับพฤติกรรม โดยต้องไม่เป็นการกระทำทารุณกรรม หรือกระทำร้ายด้วยความรุนแรงต่อร่างกาย จิตใจ หรือกระทำโดยมิชอบ
เมื่อร่างกฎหมายมาถึงวุฒิสภา ในการพิจารณาวาระหนึ่ง สมาชิกวุฒิสภา (สว.) หลายรายต่างอภิปรายเห็นด้วยกับร่างกฎหมายดังกล่าวโดยให้เหตุผลถึงความสำคัญของสุขภาพจิตเด็ก ก่อนที่ที่ประชุมวุฒิสภาจะลงมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในวาระหนึ่ง ด้วยคะแนนเสียง เห็นด้วย 187 เสียง ไม่เห็นด้วย 0 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง
หลังลงมติวาระหนึ่ง ที่ประชุมวุฒิสภาเดินหน้าตั้งกรรมาธิการเต็มสภาในวาระสอง เพื่อพิจารณาร่างกฎหมายห้ามตีเด็กสามวาระรวดให้แล้วเสร็จ ตาม ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ. 2562 ข้อ 123 ในการพิจารณารายมาตรา วาระสอง วุฒิสภาไม่ได้แก้ไขถ้อยคำที่เป็นสาระสำคัญของร่างกฎหมาย
หลังจากพิจารณารายมาตราวาระสองเสร็จ ที่ประชุมวุฒิสภาลงมติเห็นชอบร่างกฎหมายดังกล่าวในวาระสาม ด้วยคะแนนเสียง เห็นด้วย 181 เสียง ไม่เห็นด้วย 0 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง
โดยกระบวนการต่อไป หลังจากส่งร่างกฎหมายไปยังนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีรอไว้ห้าวันแล้ว นายกฯ จะนำร่างกฎหมายขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อให้พระมหากษัตริย์ลงพระปรมาภิไธยประกาศเป็นกฎหมายต่อ หากประกาศใช้แล้ว กฎหมายแพ่งแก้ไขใหม่ห้ามตีเด็ก จะมีผลใช้บังคับวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
อ่านสรุปเนื้อหาการพิจารณาร่างกฎหมายห้ามตีเด็กในชั้นสภาผู้แทนราษฎร ได้ที่
