วันที่ 19 กรกฎาคม 2567 เวลา 09.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 8 ศาลจังหวัดนนทบุรีนัดไบร์ท-ไบร์ท จันทร์กระจ่าง ฟังคำพิพากษาในคดีมาตรา 112 กรณีปราศรัยเกี่ยวกับทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ที่ท่าน้ำนนทบุรี บรรยากาศในวันนี้มีครอบครัวและเพื่อนของไบร์ทมารอฟังคำพิพากษาด้วย เวลา 09.14น. เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวไบร์ทมาที่ห้องพิจารณาคดีเพื่อรอฟังคำพิพากษา โดยไบร์ทได้พูดคุยถามไถ่ข่าวคราวความเป็นอยู่กับครอบครัวและลูกชาย

ต่อมาเวลา 09.18 น. ผู้พิพากษาขึ้นบัลลังก์ โดยก่อนจะอ่านคำพิพากษาไบร์ทขอความเมตตาให้ศาลอนุญาตให้ถอดกุญแจข้อมือเพื่อให้เขาได้พูดคุยและกอดลูกอย่างถนัด ศาลพิจารณาอนุญาตแต่ยังคงกุญแจข้อเท้าไว้ดังเดิมและอ่านคำพิพากษาว่า ไบร์ทมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จำคุกสามปี จำเลยให้การสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุกหนึ่งปีกับหกดือน และปรับเป็นพินัยความผิดฐานใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต 100 บาท
คำพิพากษาโดยสรุปคือศาลเห็นว่า ไบร์ทมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 พระราชบัญญัติควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง 2493 มาตรา 4 วรรคหนึ่ง และมาตรา 9 วรรคหนึ่ง การกระทำของไบร์ทเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 โดยฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ จำคุกสามปี ฐานโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้ปรับเป็นพินัย 100 บาท ซึ่งไบร์ทให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุให้บรรเทาโทษ ลดโทษฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมาย มาตรา 78 คงจำคุกหนึ่งปีหกเดือน และปรับเป็นพินัย 100 บาท
นอกจากนี้ศาลยังพิจารณาว่าที่โจทก์ขอให้นับโทษจำคุกของไบร์ทในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.287/2564 ของศาลอาญานั้น เนื่องจากคดีดังกล่าวศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษาจึงไม่อาจนับโทษได้ ให้ยกคำขอในส่วนนี้ หลังอ่านคำพิพากษาเสร็จไบร์ทก็ได้เดินไปพูดคุยกับภรรยาและลูกก่อนที่เจ้าหน้าที่จะนำตัวออกไปยังใต้ถุนศาล
สำหรับไบร์ทคดีนี้ถือเป็นคดี 112 คดีสุดท้ายที่ศาลได้มีคำพิพากษาจากทั้งหมดที่เขาถูกกล่าวหารวมแปดคดี หากนับรวมจำนวนโทษจำคุกตามมาตรา 112 และข้อหาที่เกี่ยวข้องจะทำให้ไบร์ทมีโทษจำคุกทั้งหมดรวม 18 ปีกับหกเดือน โดยเป็นโทษจำคุกที่ไม่รอการลงโทษ 17 ปี รายละเอียดอีกหกคดีของไบร์ทมีดังนี้
ศาลอาญากรุงเทพใต้สองคดี
- คดีจากการปราศรัยเรียกร้องปล่อยตัวนักโทษการเมืองหน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2565 โทษจำคุกหลังลดเหลือหนึ่งปีหกเดือน โดยศาลให้รอการลงโทษไว้
- คดีจากการปราศรัยเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษทางการเมือง ร้องเพลง “โชคดีที่มีคนไทย” และปราศรัยดูหมิ่นศาล เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2565 โทษจำคุกหลังลดเหลือสามปีหกเดือน
ศาลอาญาห้าคดี
- คดีจากการชุมนุม #2ธันวาไปห้าแยกลาดพร้าว เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2563 พิพากษาว่า มีความผิดตามมาตรา 112 และที่เกี่ยวข้อง โทษจำคุกหลังลดแล้วเหลือสามปี
- คดีจากการชุมนุม #25พฤศจิกาไปSCB ที่บริเวณหน้าสำนักงานใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2563 พิพากษาว่า มีความผิดตามมาตรา 112 และที่เกี่ยวข้อง โทษจำคุกหลังลดแล้วเหลือสามปี
- คดีที่หน้าสน.บางเขน พิพากษาว่า มีความผิดตามมาตรา 112 โทษจำคุกหลังลดแล้วเหลือหนึ่งปีหกเดือน
- คดีจากการปราศรัยใน #ม็อบ29พฤศจิกา ปลดอาวุธศักดินาไทย พิพากษาว่า มีความผิดตามมาตรา 112 และที่เกี่ยวข้อง โทษจำคุกหลังลดแล้วเหลือสามปี
- คดีให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่สำนักงานอัยการสูงสุดมีเนื้อหาเกี่ยวกับการที่ในหลวงไม่ให้ใช้มาตรา 112 พิพากษาว่า มีความผิดตามมาตรา 112 โทษจำคุกหลังลดเหลือหนึ่งปีหกเดือน
หมายเหตุ – การคำนวณโทษจำคุกในบทความนี้หากศาลลงโทษเป็นเดือนครบ 12 เดือนจะนำมานับรวมเป็นปีแทนเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจง่าย