11 ผู้สมัครใน 8 อำเภอตกรอบตั้งแต่ยังไม่ได้เลือกเพราะปัญหาเทคนิคในระบบของมีชัย

การเลือกสมาชิกวุฒิสภา 2567 มีวิธีการที่ซับซ้อนอันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการเขียนรัฐธรรมนูญ 2560 ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นอกจากจะเป็นระบบที่เข้าใจได้ยากแล้ว ยังมีรูรั่วทาง “เทคนิค” ขนาดใหญ่ที่ทำให้ผู้สมัคร สว. ต้องตกรอบตั้งแต่ยังไม่เริ่มกระบวนการเลือก

ปัญหานี้อยู่ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 (พ.ร.ป. สว.ฯ) ซึ่งกำหนดกฎเกณฑ์ไว้อย่างชัดเจนว่าไม่ว่าจะมีจำนวนผู้สมัครกี่คนในอำเภอ ผู้สมัครจะต้องมีอย่างน้อยหนึ่งคะแนนในรอบการเลือกไขว้เพื่อผ่านเข้ารอบ ทำให้ในอำเภอที่มีผู้สมัครในกลุ่มเดียวจะตกเข้ารอบทันทีเนื่องจากไม่มีคะแนนรอบไขว้

ความซับซ้อนนี้ทำให้มีผู้สมัครที่ประสบปัญหาตกรอบทันทีอย่างน้อย 11 คนใน 8 อำเภอทั่วประเทศไทย โดยเป็นเพราะผู้ออกแบบระบบอย่างคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ชุดมีชัย ฤชุพันธ์ คิดไว้ซับซ้อนเกินไปและไม่ถ้วนถี่ จนเกิดช่องโหว่ที่ทำให้ประชาชนต้องเสียเงินค่าสมัครและเวลารวมถึงสิทธิในการมีส่วนร่วม

อำเภอใดมีผู้สมัครเพียงกลุ่มเดียว อำเภอนั้นผู้สมัครตกรอบ

ขั้นตอนการเลือกสว. ระดับอำเภอนั้น พ.ร.ป. สว. มาตรา 40 อธิบายไว้ว่า ผู้สมัครจะต้องเลือกกันเองในกลุ่มอาชีพทั้ง 20 กลุ่มเพื่อหาผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดห้าคนแรก จากนั้นให้ผู้ชนะในรอบแรกส่งตัวแทนไปจับฉลากแบ่งสาย เพื่อเลือกไขว้กับกลุ่มอื่นในสายเดียวกัน ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดสามอันดับแรกจะถือว่าเป็นผู้ที่ได้รับการเลือกในระดับอำเภอและเข้าสู่การเลือกในระดับจังหวัดต่อไป

ทั้งนี้ กฎในรอบเลือกกันเองมีความแตกต่างจากรอบเลือกไขว้ ในรอบเลือกกันเอง หากมีผู้สมัครห้าคนหรือน้อยกว่า ผู้สมัครที่มารายงานตัวจะผ่านเข้ารอบในทันทีโดยไม่ต้องเลือกกันเอง แต่เมื่อไปถึงรอบไขว้ พ.ร.ป. สว.ฯ มาตรา 40(12) กำหนดไว้ต่างกันว่า “ในกรณีที่มีผู้ได้คะแนนไม่ถึงสามคนให้เฉพาะผู้ซึ่งได้คะแนน เป็นผู้ได้รับเลือก”

หมายความว่า หากอำเภอใดที่มีผู้สมัครเพียงหนึ่งกลุ่ม ไม่ว่ากลุ่มนั้นจะมีจำนวนคนสมัครมากหรือน้อยเพียงใด ก็ไม่สามารถทำการเลือกไขว้ได้เพราะไม่มีกลุ่มอื่นให้ไขว้ และเมื่อไม่ได้ทำการไขว้ก็จะไม่มีคะแนนในรอบเลือกไขว้จนทำให้ตกรอบไปในทันที

จากการประกาศรายชื่อผู้สมัคร 46,205 คนของ กกต. โดยผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามแล้ว อำเภอที่มีผู้สมัครเพียงหนึ่งกลุ่มมีแปดอำเภอ รวมเป็นผู้สมัครทั้งหมด 11 คนที่ตกรอบทันที

  1. อ.สามชัย จ.กาฬสินธุ์ (1 คน)
  2. อ.เมืองยาง จ.นครราชสีมา (1 คน)
  3. อ.เชียงกลาง จ.น่าน (1 คน)
  4. อ.นาน้อย จ.น่าน (1 คน)
  5. อ.แม่จริม จ.น่าน (1 คน)
  6. อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี (1 คน)
  7. อ.อุ้มผาง จ.ตาก (2 คน)
  8. อ.ปางศิลาทอง จ.กำแพงเพชร (3 คน)

อำเภอใดมีผู้สมัครบางกลุ่มน้อย-บางกลุ่มมาก อำเภอนั้นผู้สมัครกลุ่มใหญ่เสียเปรียบ

การถูกตัดสิทธิด้วยระบบการเลือกสว. ไม่ใช่ปัญหาเดียวที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ระบบดังกล่าวยังทำให้เกิดสภาวะ “คะแนนไม่พอจะเลือกไขว้” อีกด้วย จนทำให้เกิดการได้เปรียบเสียบเปรียบเพียงเพราะความแตกต่างของจำนวนผู้สมัครของแต่ละกลุ่มเท่านั้น

สภาวะดังกล่าวจะเกิดขึ้นเมื่อการเลือกระดับอำเภอมีกลุ่มที่มีผู้สมัครลงรับเลือกในบางกลุ่มเป็นจำนวนมาก ขณะที่บางกลุ่มมีผู้สมัครลงน้อย เช่น มีผู้สมัครเพียงหนึ่งคน จนทำให้รอบเลือกไขว้ผู้สมัครในกลุ่มที่มีผู้สมัครน้อยมีโอกาสถูกเลือกผ่านไปรอบการเลือกระดับจังหวัด ขณะที่ผู้สมัครในกลุ่มที่มีผู้สมัครในกลุ่มเดียวกันมากจะได้มีโอกาสถูกเลือกผ่านไปรอบระดับจังหวัดได้น้อยกว่า ในบางกรณีอาจจะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้ผ่านไปรอบต่อไป

อำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นตัวอย่างที่ดีของปัญหาข้างต้น เพราะมีผู้สมัครในกลุ่มการศึกษาหกคน กลุ่มผู้สูงอายุหนึ่งคน และกลุ่มทำสวนหนึ่งคน ในรอบเลือกกันเอง ผู้สมัครในกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มทำสวนจะผ่านเข้ารอบทันที ส่วนกลุ่มการศึกษาจะเลือกกันเองให้เหลือห้าคน 

เมื่อมาถึงในรอบการเลือกไขว้ ทั้งสามกลุ่มจะถูกจับอยู่ในสายเดียวกัน หากมีกลุ่มการศึกษาคนใดคนหนึ่งลงคะแนนให้กับผู้สมัครในกลุ่มผู้สูงอายุและทำสวน ผู้ที่ได้คะแนนก็จะผ่านเข้ารอบทันที ในทางกลับกัน กลุ่มการศึกษาจะเจอกับปัญหา เนื่องจากผู้สมัครจากกลุ่มผู้สูงอายุและทำสวนมีเพียงหนึ่งคะแนนต่อคน ผู้สมัครกลุ่มการศึกษาที่จะมีคะแนนจึงมีได้มากที่สุดเพียงสองคน การให้ผู้สมัครกลุ่มการศึกษาในอำเภอนาคูผ่านเข้ารอบไประดับจังหวัดจึงเป็นไปไม่ได้เลย

โดยสรุป สถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้กับกลุ่มการศึกษาในอำเภอนาคูมีดังนี้

1.     ผู้สมัครกลุ่มผู้สูงอายุและทำสวนลงคะแนนให้กลุ่มการศึกษาไม่ซ้ำคนกันสองคน ผู้ที่ได้คะแนนกลุ่มการศึกษาสองคนเข้ารอบ

2.     ผู้สมัครกลุ่มผู้สูงอายุและทำสวนลงคะแนนให้กลุ่มการศึกษาคนเดียวสองคะแนน ผู้ที่ได้คะแนนกลุ่มการศึกษาหนึ่งคนเข้ารอบ

3.     ผู้สมัครกลุ่มผู้สูงอายุและทำสวนไม่ลงคะแนนให้กลุ่มการศึกษาหรือทำบัตรเสีย ไม่มีกลุ่มการศึกษาคนใดเข้ารอบเลย

ปัญหาทั้งหมดนี้มีจุดตั้งต้นมาจากการออกแบบระบบที่ผิดเพี้ยนของ กรธ. ในรัฐธรรมนูญ 2560 และกฎหมายลูกอย่าง พ.ร.ป. สว.ฯ ที่ซับซ้อนเกินไปจนเกิดช่องโหว่ แม้ว่า กกต. จะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง แต่ในฐานะองค์กรที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนก็ต้องหาทางออกให้กับผู้สมัครจำนวนมากที่กำลังตกรอบทั้งที่ดำเนินการรับสมัครถูกต้อง

*บทความนี้มีการอัปเดตข้อมูลตามการประกาศรายชื่อผู้สมัคร สว. ที่ตรวจคุณสมบัติแล้วของ กกต.*

Amnestypeople.com
Join iLaw club
Facebook Fanpage