สารี อ๋องสมหวัง
มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
เครือข่ายประชาชนผู้ใช้สิทธิเข้าชื่อ เสนอ(ร่าง) พ.ร.บ. คุ้มครองผู้เสียหายจากบริการสาธารณสุข พ.ศ. ……. ๑๐,๐๐๐ รายชื่อ ประกอบด้วย เครือข่ายผู้บริโภค เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวีเอดส์ประเทศไทย เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ ชมรมผู้ป่วยโรคไต เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก ศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพภาคประชาชน มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ ศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ ซึ่งได้ร่วมกันผลักดันร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้เสียหายจากบริการสาธารณสุข พ.ศ. โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อชดเชยผู้ เสียหายจากระบบบริการสาธารณสุข ลดการฟ้องร้องระหว่างแพทย์และ คนไข้ รวมทั้งพัฒนาคุณภาพ มาตรฐานระบบบริการสาธารณสุขในประเทศไทย
โดยที่รัฐบาลนี้ก็ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว โดยร่างกฎหมายของรัฐบาลได้ผ่านการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ได้ถูกปรับเปลี่ยนหลักการและสาระสำคัญหลายประการ โดยพอจะสรุปความแตกต่างของร่างกฎหมายทั้งสองฉบับได้ดังนี้
๑.๑. เปลี่ยนแปลงชื่อกฎหมาย
จาก “ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข พ.ศ. … ” เป็น ”ร่างพระราชบัญญัติสร้างเสริมความสัมพันธ์ที่ดีในระบบบริการสาธารณสุข พ.ศ. …” ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงเจตนารมณ์ และหลักการของร่างกฎหมายที่ผ่านการอนุมัติของคณะรัฐมนตรีแล้ว จากเดิมที่มุ่งเน้นการชดเชยความเสียหายเพื่อเยียวยาความเดือดร้อนของผู้เสียหาย เป็นมุ่งเน้นการสร้างเสริมความสัมพันธ์ระหว่างผู้ให้บริการและผู้รับบริการ โดยลดทอนความสำคัญของการชดเชยความเสียหายลงไป ทำให้เป็นกฎหมายที่แปลกประหลาดไม่มีในโลกนี้ เพราะการสร้างความสัมพันธ์ต้องออกกฎหมายมาบังคับให้มีความสัมพันธ์ที่ดี
๑.๒. เพิ่มขั้นตอนการไกล่เกลี่ย
หลักการดำเนินการเดิมมุ่งเน้นการชดเชยความเสียหายจากการรับบริการสาธารณสุขอย่างรวดเร็ว และเป็นธรรมโดยไม่ต้องพิสูจน์ความรับผิด แต่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ปรับเพิ่มกระบวนการไกล่เกลี่ย
๑.๓. ปรับให้สำนักงานอยู่ภายใต้กระทรวงสาธารณสุข
ตามร่างเดิมเสนอให้มีสำนักงานคุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข แต่ได้มีการปรับแก้ในร่างใหม่ให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุขเป็นสำนักงานเลขานุการ
๑.๔. ปรับเปลี่ยนองค์ประกอบของคณะกรรมการจ่ายเงินชดเชยความเสียหาย
ตามร่างเดิมเสนอให้มีองค์ประกอบของคณะกรรมการเพียง จำนวน คน แต่ได้ปรับแก้องค์ประกอบให้มีสัดส่วนของผู้ประกอบวิชาชีพเพิ่มขึ้น ซึ่งในปัจจุบันคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุขที่มีผู้ประกอบวิชาชีพจำนวนมาก เป็นปัญหาในการพิจารณาความเสียหายและทำให้ผู้เสียหายไม่ได้รับการช่วยเหลือเบื้องต้นตามสิทธิในกฎหมาย
๑.๕. สิทธิกรณีผู้เสียหายฟ้องคดีต่อศาล
ตามร่างเดิมหากผู้เสียหายหรือทายาทฟ้องคดีต่อศาล ให้ยกเลิกการพิจารณาคำร้อง แต่ในร่างใหม่ปรับแก้เป็นให้ยุติการดำเนินการและตัดสิทธิที่จะยื่นคำขอตามพระราชบัญญัตินี้อีก และเพิ่มเติมในกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาให้ผู้ให้บริการสาธารณสุขชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ให้พิจารณาว่าจะจ่ายเงินจากกองทุนตามพระราชบัญญัตินี้แทนผู้ถูกฟ้องคดีหรือไม่
กรอบแนวคิด หลักการ กฎหมายคุ้มครองผู้เสียหายจากบริการสาธารณสุข
โดย เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ /เครือข่ายศูนย์ประสานงานหลักประกัน สุขภาพ ภาคประชาชน
และมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
วัตถุประสงค์ ๑
• เพื่อชดเชยผู้ได้รับความเสียหาย จากการใช้บริการสาธารณสุข
– ครอบคลุมบุคคลที่ใช้บริการจากสถานพยาบาลที่เปิดดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย (รวมร้านยาและสถานพยาบาลที่ไม่มีแพทย์)
– ครอบคลุมรายการการชดเชยที่ผู้เสียหายพึงได้รับตามกฎหมายแพ่ง แต่มีเพดานวงเงิน (และอาจจะรวมการชดเชยค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลหากความเสียหายเกิดขึ้นไม่สามารถใช้จากระบบประกันสุขภาพที่มีอยู่)
– ชดเชยทั้งการบาดเจ็บกรณีทั้งเหตุสุดวิสัย (mishap) หรือเกิดจากความผิดพลาดทางการแพทย์ (medical error) โดยไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ความผิด
วัตถุประสงค์ ๒
• เพื่อลดการฟ้องร้องของผู้ป่วยต่อแพทย์ และสถานพยาบาล และความขัดแย้งในปัจจุบัน
– ไม่จำกัดสิทธิในการฟ้องร้องทางแพ่ง แต่ไม่จ่ายเงินจนกว่าคดีจะสิ้นสุด
– ไม่เกี่ยวข้องกับความผิดในคดีอาญา
– การมีบทเฉพาะการให้ครอบคลุมบุคคลที่ดำเนินการฟ้องร้องต่อแพทย์ หรือสถานพยาบาล(ใช้สิทธิทางศาลในปัจจุบัน)ให้สามารถใช้กระบวนตามกฎหมายนี้ได้ภ ายใน ๑๒๐ วัน
วัตถุประสงค์ ๓
• เพื่อสนับสนุนการยกระดับมาตรฐานการรักษา และเพื่อความปลอดภัยผู้ป่วย (patient safety) ในระยะยาว
– การจัดทำ non punitive error report โดยสถานพยาบาลที่มีผู้ร้องขอค่าชดเชย
– การตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมโดยคณะ กรรมการ (claim panel) เพื่อสรุปความเกี่ยวข้องกับการใช้บริการ
– การเผยแพร่ข้อมูลกับหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องเพื่อการป้องกัน
– การใช้เงินกองทุนเพื่อส่งเสริม สนับสนุนการเรียนรู้ระหว่าง สถานพยาบาลและประชาชน