เหตุแห่งคดีนี้สืบเนื่องจากกรณีที่จตุภัทร์ หรือ "ไผ่ดาวดิน" ถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่ศาลจังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นคดีที่ได้รับความสนใจอย่างมาก เพราะจำเลยมีประวัติการทำกิจกรรมมายาวนาน ในระหว่างการพิจารณาคดีมีกลุ่มเพื่อนมาให้กำลังใจไผ่ที่ศาลจำนวนมากทุกครั้งที่มีนัดพิจารณาคดี
10 กุมภาพันธ์ 2560
จตุภัทร์ถูกนำตัวจากเรือนจำไปที่ศาลจังหวัดขอนแก่นเพื่อสอบคำให้การ โดยมีเพื่อนไปให้กำลังใจที่ศาลเป็นจำนวนมาก กลุ่มเพื่อนของจตุภัทร์ในนาม เครือข่ายนักศึกษาสี่ภาค ทำกิจกรรมให้กำลังใจบริเวณรั้วศาลจังหวัดขอนแก่น เป็นเหตุให้ต่อมามีนักกิจกรรมเจ็ดคนถูกดำเนินคดีฐานละเมิดอำนาจศาล
2 พฤศจิกายน 2560
ศาลจังหวัดขอนแก่นมีคำสั่งให้นักกิจกรรมทั้งเจ็ดคนมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล นักกิจกรรมหกคนที่ยังเป็นนักศึกษา ศาลให้รอการกำหนดโทษ แต่นักกิจกรรมอีกคนหนึ่งที่สำเร็จการศึกษาแล้วศาลสั่งจำคุกหกเดือน ปรับ 500 บาท แต่ให้รอลงอาญาโทษจำคุก
ศาลยังมีคำสั่งเพิ่มเติมด้วยว่า ให้นักกิจกรรมทั้งเจ็ดรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ ให้บำเพ็ญประโยชน์ และห้ามคบค้าสมาคม หรือจัดกิจกรรม หรือรวมตัวกันในลักษณะที่อาจนำไปสู่การกระทำความผิดในทำนองเดียวกันนี้อีก
หลังศาลจังหวัดขอนแก่นมีคำสั่งคดี อานนท์ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวซึ่งตั้งค่าเป็นสาธารณะแสดงความเห็นทำนองว่า ศาลไม่มีอำนาจตามกฎหมายในการสั่งห้ามใครคบค้าสมาคมกัน พร้อมวางลิงค์เชื่อมโยงไปยังข่าวคำสั่งคดีดังกล่าว
5 ธันวาคม 2560
สำนักงานตำรวจแห่งชาติออกหมายเรียกส่งถึงอานนท์ให้มารับทราบข้อกล่าวหาดูหมิ่นศาล และข้อหานำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่กระทบต่อความมั่นคงหรือทำให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชนตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(2) จากการโพสต์เฟซบุ๊กดังกล่าว โดยสั่งให้อานนท์ไปรายงานตัวต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ (ปอท.) ในวันที่ 20 ธันวาคม 2560 แต่อานนท์ไม่สะดวกจึงขอเลื่อนนัดไปเป็นวันที่ 10 มกราคม 2561
10 มกราคม 2561
เวลาประมาณ 10.00 น. อานนท์ เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาที่ ปอท. ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ โดยมีเพื่อนนักกฎหมายและทนายความด้านสิทธิมนุษยชนจำนวนกว่า 40 คน พร้อมด้วยประชาชนและลูกความของอานนท์จำนวนหนึ่งมาให้กำลังใจในการรับทราบข้อกล่าวหาด้วย
ก่อนเข้ารับทราบข้อกล่าวหา อานนท์ กล่าวว่า จะปฏิเสธข้อกล่าวหาและพร้อมใช้สิทธิต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม การถูกดำเนินคดีครั้งนี้ ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการทำงานทนายความและการเคลื่อนไหว แสดงความคิดเห็น แต่ในทางตรงกันข้ามกลับทำให้เข้มแข็งขึ้น เปรียบเสมือนว่าวที่มีลมพัดมามากขึ้น
สมชาย หอมละออ ที่ปรึกษาสมาคมนักกฏหมายสิทธิมนุษยชน เป็นตัวแทนเพื่อนร่วมวิชาชีพกล่าวแสดงความคิดเห็นว่า คดีนี้เป็นการดำเนินคดีเพื่อปิดปากทนายความที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือคดีสิทธิมนุษยชนมาเป็นเวลานาน
โดยปกติแล้วข้อหาดูหมิ่นศาลควรจะเป็นเจ้าหน้าที่ของศาลเป็นผู้แจ้งความกล่าวโทษแต่คดีนี้กลับเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง จึงเป็นที่น่าสงสัยว่าวัตถุประสงค์การดำเนินคดีอาจเป็นไปเพื่อส่งสัญญาณให้ทนายความและนักกิจกรรมคนอื่นเห็นว่าการแสดงความคิดเห็นเช่นนี้อาจถูกดำเนินคดีได้
สมชายกล่าวด้วยว่า โดยหลักแล้ว นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนไม่ใช่อาชญากรและการต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนไม่ใช่อาชญากรรม จึงหวังว่าเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมรวมทั้งศาลจะมีความเข้าใจเรื่องนี้ด้วย
สมาคมนักกฏหมายสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นองค์กรที่เกิดจากการรวมตัวของทนายความสิทธิมนุษยชนก็ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ใช้กฎหมายอาญาโดยตีความอย่างเคร่งครัดและการตีความของเจ้าหน้าที่ต้องกระทำโดยสุจริต ไม่เช่นนั้นเจ้าหน้าที่อาจมีความรับผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
แถลงการณ์ดังกล่าวยังขอให้ประชาชนทั่วไปและบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมติดตามตรวจสอบเจ้าหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายให้ถูกต้องและเป็นธรรมด้วย
อานนท์และทนายสิทธิมนุษยชนถ่ายภาพร่วมกันในอาคารศูนย์ราชการ สถานที่ตั้งของปอท.ในวันที่อานนท์เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหา
8 มีนาคม 2561
หลังได้รับหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม อานนท์พร้อมทนายความ เดินทางมาที่ บก.ปอท. อีกครั้งในวันนี้ เวลา 10.00 น. ตามที่ได้นัดหมายไว้กับพนักงานสอบสวน
เมื่อมาถึงพนักงานสอบสวนแจ้งว่า วันนี้จะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มจากการโพสต์เฟซบุ๊กอีกสองครั้ง เป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระกัน เมื่อรวมกับข้อกล่าวหาที่แจ้งครั้งที่แล้ว ก็เท่ากับว่า คดีนี้อานนท์ถูกกล่าวหาจากการโพสต์เฟซบุ๊กสี่ครั้ง เป็นการกระทำสี่กรรม โดยถูกกล่าวหาว่า ซึ่งเป็นการนำเข้าสู่คอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(2) และความผิดฐานดูหมิ่นศาล หรือผู้พิพากษา ตามมาตรา 198 ของประมวลกฎหมายอาญา
การโพสต์เฟซบุ๊กทั้งสองครั้งที่ถูกตั้งข้อหาในวันนี้ ได้แก่
1) เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2561 อานนท์ โพสต์ภาพตัวหนังสือที่น่าจะเป็นคำพิพากษาของศาลจังหวัดขอนแก่นในคดีละเมิดอำนาจศาล พร้อมกับแสดงความคิดเห็นประกอบรูปว่า
"เอาเข้าจริงๆศาลจังหวัดขอนแก่นได้พิพากษาในคดีละเมิดอำนาจศาล มีลักษณะ “ดูถูกดูแคลน” กลุ่มนักศึกษาว่าการไปทำกิจกรรมให้กำลังใจ “ไผ่ ดาวดิน” ว่าเกิดจากความด้อยประสบการณ์และตกเป็นเหยื่อของผู้ไม่หวังดี
ความจริงเรื่องกระบวนการยุติธรรมที่ไม่เป็นธรรมกับไผ่ดาวดิน คนทั้งโลกล้วนเห็นประจักษ์ ทั้งนักศึกษากลุ่มดาวดินก็ล้วนแต่มีประสบการณ์ต่อสู้กับความอยุติธรรมของสังคมมาโดยตลอด ไม่ใช่คนที่ใครจะไปสั่งการหรือหลอกลวงได้
การดำเนินคดีกับผมในข้อหาหมิ่นศาลจังหวัดขอนแก่นจึงเป็นการดีที่จะได้นำเรื่องความอยุติธรรมที่เกิดกับไผ่ และนักศึกษากลุ่มดาวดิน มาตีแผ่ให้สังคมได้เห็นอีกครั้ง"
การกระทำของผู้ต้องหาเป็นการก้าวล่วงวิจารณ์คำสั่งศาลจังหวัดขอนแก่น ว่าเขียนทำนอง "ดูถูกดูแคลน" ผู้ถูกกล่าวหา ทำให้สถาบันศาลยุติธรรมขาดความศักดิ์สิทธิ์ หรือผู้พิพากษา ผู้พิจารณาตัดสินคดีได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่น ถูกทำให้เสียชื่อเสียง
2) เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2561 หลังได้รับหมายเรียกจากพนักงานสอบสวนในคดีนี้ อานนท์ได้ถ่ายภาพหมายเรียกและโพสต์ลงบนเฟซบุ๊ก พร้อมข้อความที่แต่งเป็นกลอนในลักษณะพาดพิง ดูหมิ่นศาลซ้ำอีก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไม่เคารพต่อศาล หรือผู้พิพากษาซึ่งมีหน้าที่อำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชน ขาดสำนึกในการกระทำที่ผิดพลาดไป ไม่มีความเคารพยำเกรงต่อกฎหมาย
โดยข้อความที่อานนท์เขียน มีดังนี้
"คือตราชู ผู้ชี้ เสรีสิทธิ
คือศาลสถิต ยุติธรรม นำสมัย
คือหลัก ประกัน ประชาธิปไตย
มิใช่ อภิชน คนชั้นฟ้า !
ครุยที่สวม นั้นมา จากภาษี
รถที่ขี่ เงินใคร ให้หรูหรา
ข้าวที่กิน ดินที่ย่ำ บ้านงามตา
ล้วนแต่เงิน ของมหา ประชาชน
มิได้ อวตาร มาโปรดสัตว์
แต่เป็น "ลูกจ้างรัฐ" ตั้งแต่ต้น
ให้อำนาจ แล้วอย่าหลง ทนงตน
ว่าเป็นคน เหนือคน ชี้เป็น-ตาย
เสาหลัก ต้องเป็นหลัก อันศักดิ์สิทธิ์
ใช่ต้องลม เพียงนิด ก็ล้มหงาย
ยิ่งเสาสูง ใจต้องสูง เด่นท้าท้าย
ใช่ใจง่าย เห็นเงิน แล้วเออออ !
ต้องเปิด โลกทัศน์ อย่างชัดเจน
ใช่ซ่อนเร้น อ่านตำรา แต่ในหอ
ออกบัลลังค์ นั่งเพลิน คำเยินยอ
เลือกเหล่ากอ มากอง ห้องทำงาน
ตุลาการ คือหนึ่ง อธิปไตย
อันเป็นของ คนไทย ไพร่-ชาวบ้าน
มิใช่ของ ใครผู้หนึ่ง ซึ่งดักดาน
แต่เป็น "ตุลาการ" ประชาชน
ฉะนั้นพึง สำนึก มโนทัศน์
ใช่ด้านดัด มืดดับ ด้วยสับสน
เปื้อนราคิน กินสินบาท คาดสินบน
แล้วแบ่งคน แบ่งชั้น บัญชาชี้
เถิด"ตุลาการ" จงคิด อย่างอิสระ
รับภาระ อันหนักหนา ทำหน้าที่
หากรับใช้ ใบสั่ง ดั่งกาลี
ตุลาการ เช่นนี้ อย่ามีเลย !
: อานนท์ นำภา ๖ พฤศจิกายน ๕๓
แก้ไขเพิ่มเติมจากฉบับเดิม ๓ กันยายน ๕๓"
หลังการแจ้งข้อกล่าวหา อานนท์ให้การปฏิเสธ โดยจะขอส่งคำให้การเป็นหนังสือภายใน 30 วัน แต่พนักงานสอบสวนให้ส่งภายใน 15 วัน หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนก็ลงบันทึกประจำวัน และปล่อยตัวอานนท์ โดยไม่ต้องวางหลักทรัพย์ประกันตัว