- คดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์, คดีมาตรา112, ฐานข้อมูลคดี
เอกฤทธิ์: หลานคณะราษฎร ทำเฟซบุ๊กหมิ่นฯ
ผู้ต้องหา
สถานะคดี
คดีเริ่มในปี
โจทก์ / ผู้กล่าวหา
สารบัญ
ภูมิหลังผู้ต้องหา
ในวัยเด็ก เอกฤทธิ์อาศัยอยู่กับปู่ก่อนจะไปศึกษาต่อต่างประเทศ ปู่ของเขาได้ถ่ายทอดแนวคิดเรื่องความเท่าเทียมทางสังคมให้กับเขาแต่ก็สอนไม่ให้เข้าไปยุ่งกับการเมืองเพราะเป็นเรื่องสกปรก
นอกจากจะได้รับอิทธิพลเกี่ยวกับความคิดทางการเมืองจากครอบครัวแล้วเอกฤทธิ์ยังสนใจศึกษาประวัติศาสตร์ด้วย เอกฤทธิ์ไม่เคยร่วมชุมนุมทางการเมืองกับกลุ่มใดแต่ใช้วิธีแสดงความเห็นบนเฟซบุ๊กส่วนตัวพร้อมระบุว่าการเคลื่อนไหวของเขาทำเป็นการส่วนตัวไม่เกี่ยวกับครอบครัว
ข้อหา / คำสั่ง
การกระทำที่ถูกกล่าวหา
พฤติการณ์การจับกุม
หลังจากนั้นประมาณสิบนาทีมีคนมาเคาะประตูใหม่ แจ้งว่า มาจาก คสช.และจะทำการตรวจค้นห้องพักของเอกฤทธิ์โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 44 หากเอกฤทธิ์ไม่เปิดประตู จะพังเข้าไป เมื่อเอกฤทธิ์เปิดประตูให้มีเจ้าหน้าที่ทั้งทหารและตำรวจท้องที่ประมาณ 30 คน ไม่แต่งเครื่องแบบกรูกันเข้ามาในห้องและทำการจับกุมเขาโดยไม่แสดงเอกสารใดๆ
เอกฤทธิ์เล่าว่า เจ้าหน้าที่ถามเพียงว่า รู้หรือไม่ว่ามาเรื่องอะไร เมื่อเอกฤทธิ์ตอบว่า รู้ เจ้าหน้าที่ก็ไม่อธิบายอะไรต่อ และพาตัวเขาเดินทางไปยังสน.บางกอกใหญ่ ซึ่งเป็นสถานีตำรวจในท้องที่เพื่อลงบันทึกประจำวัน จากนั้นจึงควบคุมตัวเขาไปที่ค่ายมทบ.11
เอกฤทธิ์ถูกควบคุมตัวในมทบ.11 เป็นเวลาห้าคืนโดยไม่มีโอกาสพบญาติหรือทนาย และถูกสอบสวนโดยเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ปอท.หลายครั้ง
บันทึกสังเกตการณ์ในชั้นศาล
หมายเลขคดีดำ
ศาล
เนื้อหาอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
แหล่งอ้างอิง
เมื่อศาลกลับเข้ามาก็อ่านพิพากษาลงโทษจำคุกเอกฤทธิ์เป็นเวลาแปดปีและลดโทษเหลือสี่ปีเนื่องจากจำเลยรับสารภาพ หลังฟังคำพิพากษาเอกฤทธิ์ถูกนำตัวกลับเรือนจำโดยไม่ได้รับสำเนาคำพิพากษา
คำพิพากษา
สรุปคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลอาญาพิพากษาว่าเอกฤทธิ์มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ลงโทษจำคุกแปดปี จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษเหลือสี่ปี คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะซึ่งเป็นของกลางที่จำเลยใช้กระทำความผิดให้ยึด ส่วนทรัพย์สินอื่นที่ยึดไว้ให้คืนจำเลย