- คดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์, คดีมาตรา112, คดีหมิ่นประมาท, ฐานข้อมูลคดี
วิชัย: ปลอมเฟซบุ๊กหมิ่น
ผู้ต้องหา
สถานะคดี
คดีเริ่มในปี
โจทก์ / ผู้กล่าวหา
วิชัย อายุ 33 ปี ถูกกล่าวหาว่าหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ,แอบอ้างสร้างชื่อบัญชีเฟซบุ๊ก และนำภาพถ่ายไปใช้รูปประจำโปรไฟล์ในเพจปลอม และโพสต์ข้อความและภาพถ่ายรวมทั้งแชร์ข้อมูลในลักษณะหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ 6 ครั้ง ในช่วงเดือนตุลาคม 2558 ก่อนถูกจับกุมในช่วงเดือนธันวาคม 2558
เบื้องต้นวิชัยให้การปฏิเสธและขอต่อสู้คดี แต่ต่อมากลับคำให้การเป็นรับสารภาพ เพราะเห็นว่า การต่อสู้คดีใช้เวลานานเกินไป ศาลทหารกรุงเทพพิพากษาลงโทษจำคุก 30 ปี 60 เดือน
สารบัญ
ภูมิหลังผู้ต้องหา
วิชัย ก่อนถูกจับกุม อายุ 33 ปี เป็นชาวจังหวัดเชียงใหม่ เรียนจบคณะบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการอุตสาหกรรม จากมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในตัวจังหวัด ทำงานเป็นพนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง
ข้อหา / คำสั่ง
การกระทำที่ถูกกล่าวหา
พฤติการณ์การจับกุม
22 ธันวาคม 2558 เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5 และตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวนภาค 5 ร่วมกับตำรวจบก.ปอท. เข้าจับกุม วิชัยตามหมายจับของศาลทหารกรุงเทพที่ 65/2558 ที่บริเวณลานจอดรถของหอพักแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมของกลางคือ โทรศัพท์มือถือจำนวน 3 เครื่อง หลังจาก ควบคุมตัวไปแจ้งข้อกล่าวหาและทำบันทึกการจับกุมที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 5 วิชัยให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาแล้ว เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายวิชัยมาส่งมอบให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนที่ บก.ปอท. วันที่ 23 ธันวาคม 2558 ก่อนนำตัวไปขังไว้ที่ สน.ทุ่งสองห้อง
บันทึกสังเกตการณ์ในชั้นศาล
หมายเลขคดีดำ
ศาล
เนื้อหาอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
แหล่งอ้างอิง
22 ธันวาคม 2558
ประชาไทรายงานว่า พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.5 พร้อมเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งควบคุมตัว วิชัย ตามหมายจับศาลทหารกรุงเทพที่บริเวณลานจอดรถของหอพักแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ หลังจากได้รับแจ้งจากผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งว่า มีผู้แอบอ้างนำชื่อของเขาไปเปิดเฟซบุ๊กปลอมและโพสต์ข้อความหมิ่นพระมหากษัตริย์ ซึ่งเกรงว่าจะได้รับผลกระทบและจะถูกจับกุมเอาผิดตามกฎหมาย จึงเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน บก.ปอท.ว่า ไม่ได้เป็นผู้โพสต์
หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่จึงสืบสวนจนกระทั่งพบเบาะแสว่า ผู้ที่สร้างเพจปลอมคือ วิชัย ซึ่งเป็นอดีตเพื่อนคนสนิทของผู้เสียหาย และมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกันอย่างรุนแรงก่อนหน้านี้ ด้วยความโกรธแค้นจึงเอาชื่อและข้อมูลของผู้เสียหายไปเปิดเฟซบุ๊กแล้วโพสต์ข้อความต่างๆ ซึ่งเข้าข่ายความผิดข้อหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯเพื่อกลั่นแกล้งผู้เสียหาย
23 ธันวาคม 2558
เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายวิชัยมาส่งมอบให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนที่ บก.ปอท. ตรงศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะก่อนนำตัวไปขังไว้ที่ สน.ทุ่งสองห้อง
24 ธันวาคม 2559
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) นำตัววิชัยจาก สน.ทุ่งสองห้องมาขออำนาจศาลทหารกรุงเทพฝากขังผลัดที่ 1 เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม– 4 มกราคม 2559 หลังคุมตัวผู้ต้องหา เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2558
ในคำร้องฝากขังพนักงานสอบสวนระบุว่า ผู้เสียหายแจ้งความว่า วิชัยใช้เฟซบุ๊กปลอม กระทำความผิดโดยการโพสต์และแชร์คลิปวีดิโอ ภาพ และข้อความที่มีเนื้อหาหมิ่นประมาทพระมากษัตริย์รวมทั้งสิ้น 12 ครั้งและภายหลังตรวจพิสูจน์คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กและโทรศัพท์มือถือที่ยึดได้พบว่ามีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบัญชีเฟซบุ๊กปลอมดังกล่าว
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนให้เหตุผลในการขอฝากขังว่า ต้องสอบสวนพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องรวม 5 ปาก รวมทั้งรอผลการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ และผลการตรวจสอบประวัติลายพิมพ์นิ้วมือของวิชัย หลังจากนั้นวิชัยคัดค้านการฝากขังเนื่องจากตนเองไม่ใช่ผู้กระทำความผิด อย่างไรก็ตาม ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังตามที่พนักงานสอบสวนร้องขอ และการฝากขังครั้งนี้ เขาไม่ได้ขอให้ปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากยังไม่มีหลักทรัพย์
4 มกราคม 2558
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมและเทคโนโลยียื่นขอฝากขังวิชัยผลัดที่ 2 ต่อศาลทหารกุรงเทพ ศาลอนุญาตให้ฝากขังตั้งแต่วันที่ 5 – 16 มกราคม 2559
28 มกราคม 2559
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.)ยื่นคำร้องต่อศาลทหารกรุงเทพเพื่อขอฝากขังวิชัยผลัดที่ 4 พนักงานสอบสวนอ้างเหตุผลว่า สำนวนคดีอยู่ในระหว่างการเสนอเข้าสู่คณะกรรมการพิจารณาคดีหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ด้านทนายความของวิชัย ยื่นคำร้องคัดค้านการฝากขัง เนื่องจากการสอบสวนคดีในส่วนที่เหลือไม่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหา จึงไม่จำเป็นต้องควบคุมตัวไว้เพื่อทำการสอบสวนอีกต่อไป ประกอบกับผู้ต้องหาเป็นเพียงบุคคลธรรมดา การควบคุมตัวผู้ต้องหาระหว่างสอบสวนย่อมกระทบกับสถานะอาชีพการงานของผู้ต้องหา ทั้งผู้ต้องหาไม่ได้มีพฤติการณ์จะหลบหนี การควบคุมตัวผู้ต้องหาโดยไม่เป็นประโยชน์แก่การสอบสวนย่อมกระทบกระเทือนต่อสิทธิเสรีภาพของผู้ต้องหาจนเกินกว่าความจำเป็น และเกินกว่าพฤติการณ์แห่งคดี อย่างไรก็ตาม ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่ามีเหตุสมควรจึงอนุญาตให้ฝากขังต่ออีก 12 วัน โดยจะครบกำหนดวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2559
19 กุมภาพันธ์ 2559
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า ศาลทหารกรุงเทพมีคำสั่งตามที่อัยการผู้ช่วยศาลทหารกรุงเทพยื่นคำร้องขอฝากขังวิชัยเป็นผลัดที่ 6 เหตุผลคำร้องระบุว่า การพิจารณาสำนวนสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จและหากปล่อยตัววิชัยชั่วคราวเกรงว่าจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานและอาจหลบหนีเพราะคดีมีอัตราโทษที่สูง ศาลทหารกรุงเทพจึงมีคำสั่งตามที่อัยการผู้ช่วยฯ ร้องขอโดยสั่งขังนายวิชัยต่อไปอีก 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2559 ถึง 4 มีนาคม 2559
ทั้งนี้ หลังศาลอนุญาตให้ฝากขัง ทนายความของวิชัยยื่นคำร้องขอคัดรายงานกระบวนพิจารณา ศาลมีคำสั่งว่า “ศาลได้อ่านและคู่ความลงชื่อรับทราบแล้ว และคำร้องคัดค้านก็เป็นคำร้องของผู้ต้องหาจัดทำขึ้นเอง ไม่มีเหตุสมควรจะคัดถ่าย จึงไม่อนุญาต ยกคำร้องฯ”
24 มิถุนายน 2559
นัดสอบคำให้การ
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า ศาลทหารกรุงเทพฯ นัดสอบคำให้การวิชัย ศาลเริ่มพิจารณาโดยอ่านคำฟ้องสรุปว่าเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2558 วิชัยนำข้อความและภาพถ่ายปลอมเฟซบุ๊กเป็นบุคคลอื่น และโพสต์วิดีโอและภาพประกอบด้วยข้อความที่มีเนื้อหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ จากนั้นวิชัยให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและขอต่อสู้คดี ศาลจึงนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 18 ตุลาคม 2559
ด้านอัยการทหารยื่นคำร้องให้ศาลพิจารณาคดีนี้เป็นการลับเพราะเป็นคดีความมั่นคง ต่อมาศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อประโยชน์แห่งความสงบเรียบร้อย จึงมีคำสั่งให้พิจารณาลับตามคำร้องของอัยการ ทางฝ่ายทนายจำเลยแถลงว่าจะทำคำร้องคัดค้านการพิจารณาคดีลับยื่นต่อศาล เนื่องจากเห็นว่าเป็นคดีอาญาจึงต้องพิจารณาโดยเปิดเผย
18 ตุลาคม 2559
นัดตรวจพยานหลักฐาน
27 กุมภาพันธ์ 2560