- คดีอื่นๆ, ฐานข้อมูลคดี
ณัฐพล: พ่นสีป้ายศาลอาญา
ผู้ต้องหา
สถานะคดี
คดีเริ่มในปี
โจทก์ / ผู้กล่าวหา
ณัฐพล นักดนตรีพังค์อายุ 22ปี ถูกดำเนินคดีฐานทำลายทรัพย์สินสาธารณะจากการพ่นสัญลักษณ์ตัวอักษร เออยู่ในวงกลม ซึ่งอาจเข้าใจได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มอนาธิปไตยที่ป้ายชื่อศาลอาญา
ณัฐพลถูกจับกุมขณะทำงานที่กองถ่ายเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2558 และถูกนำตัวไปไว้ที่สถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน
หลังถูกควบคุมตัวที่ส.น.สองคืน ณัฐพลถูกนำตัวไปที่ศาลอาญาในวันที่ 27 พฤษภาคม 2558 เพื่อขอฝากขังในข้อหาทำลายทรัพย์สินสาธารณะและเพื่อไต่สวนในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล
ระหว่างรอการไต่สวนในความผิดฐานละเมิดอำนาจอำนาจศาลเพื่อนของณัฐพลไปขอเช่าหลักทรัพย์จากบริษัทประกันแต่บริษัทยังไม่ให้เช่าโดยให้รอคำสั่งศาลเรื่องละเมิดอำนาจศาลก่อน ใน คำสั่งรอลงอาญาในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลออกมาในช่วงเย็นณัฐพลจึงเช่าหลักทรัพย์ประกันไม่ทันทำให้ถูกนำตัวไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพก่อนจะได้รับการประกันตัวในวันต่อมา
ในวันที่ 14 กรกฎาคม 2558 ศาลนัดณัฐพลไปสอบคำให้การในความผิดฐานทำลายทรัพย์สินสาธารณะ ณัฐพลรับสารภาพ ศาลพิพากษาจำคุกณัฐพลเป็นเวลาหนึ่งปีโดยไม่รอลงอาญาแต่อนุญาตให้ณัฐพลประกันตัวระหว่างสู้คดีชั้นอุทธรณ์ซึ่งศาลนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 8 มิถุนายน 2559 ซึ่งศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นแต่ให้รอลงอาญาโทษจำคุกเป็นเวลาสองปีจากเดิมที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกโดยไม่รอลงอาญา
สารบัญ
ภูมิหลังผู้ต้องหา
ณัฐพลขระถูกจับกุมอายุ 22 ปี เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม ก่อนถูกจับกุมเขาเป็นนักดนตรีวง ดรังค์ออลเดย์ (Drunkallday) และเป็นลูกจ้างในกองถ่ายของกันตนา
ข้อหา / คำสั่ง
การกระทำที่ถูกกล่าวหา
ณัฐพลถูกกล่าวหาว่าใช้สีสเปรย์พ่นตัวอักษรเอในวงกลม ที่บริเวณป้ายศาลอาญา เข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ความสะอาดฯและเป็นการทำลายทรัพย์สินสาธารณะตามกฎหมายอาญามาตรา 360 รวมทั้งอาจเข้าข่ายเป็นการละเมิดอำนาจศาล
พฤติการณ์การจับกุม
ณัฐพลถูกจับกุมที่กองถ่ายซึ่งเขาทำงานอยู่ในเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 25 พฤษภาคม 2558 เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบประมาณ 5-6 คนไปขอคุยกับเขาที่กองถ่ายก่อนจะเชิญตัวไปที่สน.พหลโยธิน ณัฐพลเล่าว่าเจ้าหน้าที่พูดคุยกับเขาด้วยดีแต่ไม่ได้แสดงหมายจับให้ดู
บันทึกสังเกตการณ์ในชั้นศาล
หมายเลขคดีดำ
ศาล
เนื้อหาอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
แหล่งอ้างอิง
24 พฤษภาคม 2558
ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน พร้อมเจ้าหน้าที่ทหารจากกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ เข้าตรวจสอบ บริเวณป้ายสำนักงานศาลยุติธรรม และ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก หลังมีผู้นำสเปรย์สีดำ มาฉีดพ่นสัญลักษณ์ที่ป้ายศาลดังกล่าว 2 จุด
โดยสัญลักษณ์ที่มีการฉีดพ่น มีลักษณะเหมือนตัวอักษรภาษาอังกฤษตัว “A” ที่มีวงกลมล้อมรอบตัวอักษร คล้ายกับสัญลักษณ์ Anarchy หรือสัญลักษณ์ อนาธิปไตย
บวรศักดิ์ ทวิพัฒน์ โฆษกสำนักงานศาลยุติธรรมเปิดเผยว่า ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบส่วนแล้ว ส่วนจะตั้งข้อหาใดบ้างจะมีการพิจารณาต่อไป ส่วนข้อหาละเมิดอำนาจศาลอยู่ในดุลพินิจของศาล
สำหรับการฉีดสัญลักษณ์ครั้งนี้จะเป็นประเด็นทางการเมืองหรือไม่ ยังไม่มีข้อสรุป
25 พฤษภาคม 2558
เดลินิวส์ออนไลน์ รายงานว่า พ.ต.อ.ภาณุเดช สุขวงศ์ ผกก.สน.พลหลโยธิน เปิดเผยถึงความคืบหน้า กรณีที่มีผู้นำสเปรย์สีดำมาฉีดพ่นเป็นสัญลักษณ์ อนาธิปไตย ที่ป้ายศาลอาญา ว่า
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้ทำการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณโดยรอบศาลอาญา พบว่าคนร้ายเป็นชายอายุราว 30 ปีเศษ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถขอศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาได้แล้ว
จะมีการตั้งข้อหา 2 ข้อหา ได้แก่ ข้อหาทำให้สาธารณะประโยชน์เสียหาย และ ความผิดตาม พ.ร.บ.ความสะอาดฯ ขณะนี้ตำรวจพอจะรู้ตัวผู้ต้องสงสัยแล้ว แต่ยังเปิดเผยรายละเอียดไม่ได้
26 พฤษภาคม 2558
สำนักข่าวไทย รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสนพหลโยธิน สามารถจับกุมณัฐพล ผู้ต้องสงสัยพ่นสเปรย์ใส่ป้ายศาลอาญาได้แล้ว
27 พฤษภาคม 2558
หลังจากถูกควบคุมตัวที่สถานีตำรวจนครบาลพหลโยธินเป็นเวลา 2 คืน ณัฐพลถูกพนักงานสอบสวนควบคุมตัวจาก สน. พหลโยธินไปที่ ศาลอาญา เพื่อขออำนาจศาลฝากขัง ในเวลาประมาณ 10.30 น. เมื่อไปถึงที่ศาล ณัฐพลถูกนำตัวเข้าไปที่ห้องผู้พิพากษาเวรชี้ ก่อนจะถูกนำตัวไปที่ ห้องพิจารณาคดี 712 เพื่อทำการไต่สวนความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล เนื่องจากคดีนี้เป็นที่สนใจของสื่อ จึงมีผู้สื่อข่าวมารอสังเกตการณ์การไต่สวนในห้องพิจารณาคดีเป็นจำนวนมาก
ศาลเริ่มการไต่สวนในเวลาประมาณ 11.00 น. เจ้าหน้าที่จากสำนักอำนวยการศาลอาญาเบิกความต่อศาลว่า ในวันที่ 24 พฤษภาคม 2558 ได้รับแจ้งจากหน่วยรักษาความปลอดภัยว่า มีการฉีดพ่นสเปรย์สีดำ เป็นตัวอักษรเอในวงกลมรวมสองจุดบนป้ายศาลอาญา สัญลักษณ์ดังกล่าว คล้ายสัญลักษณ์ที่มีความหมายเป็นการต่อต้านอำนาจรัฐ จึงรายงานผู้บังคับบัญชา เนื่องจากการกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นการละเมิดอำนาจศาล มีการประสานไปที่สน.พหลโยธินเพื่อให้ดำเนินการจับตัวผู้กระทำผิด โดยใช้ภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐาน
หลังเสร็จสิ้นการไต่สวนเจ้าหน้าที่สำนักอำนวยการศาลอาญา ศาลไต่สวนณัฐพลต่อทันที ณัฐพลเบิกความว่า จำไม่ได้ว่าวันเกิดเหตุวันที่เท่าไหร่ แต่จำได้ว่าเหตุเกิดในเวลาประมาณเที่ยงคืน ณัฐพลเล่าว่าก่อนเกิดเหตุตนเดินฟังเพลงออกจากห้องพักซึ่งอยู่ในซอยรัชดา 32 พร้อมกับสีสเปรย์กระป๋องหนึ่ง เมื่อเดินมาถึงสะพานลอยแห่งหนึ่งก็ฉีดรูปตัวเอล้อมด้วยวงกลม เมื่อเดินผ่านป้ายศาลอาญาจึงฉีดสัญลักษณ์แบบเดียวกันสองจุดบนป้ายหน้าศาล
ณัฐพลเบิกความว่าสัญลักษณ์ตัวเอล้อมด้วยวงกลม เป็นสัญลักษณ์ของวงดนตรีต่างประเทศที่ชื่อ แอนตี้ แฟลก (Anti Flag) ณัฐพลเบิกความว่าตนพ่นสีบนป้ายศาลอาญา เพราะคับแค้นใจที่คดีของรุ่นพี่ของตนที่ถูกทหารคนหนึ่งยิงเสียชีวิต ซึ่งไม่มีความคืบหน้า แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับสถานการณ์ทางการเมือง
ณัฐพลเบิกความว่าตนไม่ได้ตั้งใจพ่นสีใส่ป้ายศาลอาญาเป็นการเฉพาะ หากสียังไม่หมดก็คงเดินไปพ่นที่อื่นต่อ ตนทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่รู้ว่าการพ่นสีใส่ป้ายศาลอาญาจะเป็นความผิดร้ายแรง ตนสำนึกผิดแล้ว และยินดีช่วยศาลทำความสะอาดและบำเพ็ญประโยชน์
ศาลถามย้ำว่าที่มาพ่นสีที่ป้ายศาลไม่เกี่ยวกับการเมืองใช่หรือไม่ ณัฐพลตอบว่าไม่ใช่ ศาลบอกกับณัฐพลว่า ศาลจะวินิจฉัยและอ่านคำสั่งเรื่องการละเมิดอำนาจศาลในช่วงบ่าย ศาลถามณัฐพลด้วยว่า พนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขอฝากขังไว้ต่อศาล ณัฐพลจะคัดค้านหรือไม่ ณัฐพลไม่คัดค้าน
ในช่วงบ่าย ณัฐพลถูกนำตัวขึ้นมาที่ห้องพิจารณาคดี 712 ตั้งแต่ประมาณ 13.50 น. เมื่อณัฐพลเข้ามาในห้องได้ครู่หนึ่งก็มีเจ้าหน้าที่ศาลเข้ามาในห้องพิจารณาคดีและบอกกับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ว่าให้นำตัวณัฐพลลงไปก่อน เพราะศาลจะต้องใช้เวลาหารือคำสั่ง แต่เจ้าหน้าที่ราชทัฑณ์บอกว่าให้อยู่ที่ห้องพิจารณาคดีก็ได้
ศาลขึ้นบัลลังก์อ่านคำสั่งในเวลาประมาณ 16.20 น. โดยวินิจฉัยว่า การพ่นสีสเปรย์บริเวณป้ายศาลอาญา เข้าข่ายเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในเขตศาล และเข้าข่ายเป็นการละเมิดอำนาจศาลศาล ให้ลงโทษจำคุกณัฐพลเป็นเวลา 1 เดือน แต่ณัฐพลสำนึกผิด จึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี โดยณัฐพลต้องรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติรวมสี่ ครั้ง และให้พนักงานคุมประพฤติรายงานการรายงานตัวต่อศาลทุกครั้ง
ระหว่างการไต่สวนและรอคำสั่งคดีละเมิดอำนาจศาลศาล เพื่อนของณัฐพลไปดำเนินการยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวรอไว้ ศาลตีราคาประกันไว้ที่ 90,000 บาท ณัฐพลมีหลักทรัพย์ไม่พอ จึงต้องไปติดต่อซื้อประกันอิสระภาพ แต่บริษัทประกันปฏิเสธที่จะขายหลักทรัพย์ให้ เพราะต้องรอคำสั่งคดีละเมิดอำนาจศาลก่อน ปรากฎว่าศาลมีคำสั่งคดีละเมิดอำนาจศาลในเวลา 16.20 น. ซึ่งเลยเวลายื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวไปแล้ว ณัฐพลจึงถูกส่งตัวไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ
28 พฤษภาคม 2558
คืนวันที่ 27 พฤษภาคม 2558 เพื่อนของณัฐพลประกาศระดมทุนเพื่อใช้ซื้อประกันอิสระภาพให้กับณัฐพลบนเฟซบุ๊กก่อนจะปิดระดมทุนในเช้าวันที่ 28 พฤษภาคม ซึ่งปรากฎว่าได้เงินประมาณ 14,000 บาท
เพื่อนของณัฐพลเดินทางมาที่ศาลอาญาตั้งแต่ช่วงเช้าเพื่อยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ตัวแทนบริษัทประกันบริษัทแรกตกลงค่าธรรมเนียมประกันอิสระภาพไว้ที่ 18,000 บาท แต่ต่อมาก็แจ้งกับเพื่อนของณัฐพลว่าทางบริษัทไม่ขายประกันให้ เพราะคดีนี้เป็นคดีใหญ่ อยู่ในความสนใจของสาธารณะ หากณัฐพลได้รับการปล่อยตัวก็อาจเจอแรงกดดันจากสังคมจนต้องหลบหนี ทำให้บริษัทต้องเสียหลักทรัพย์
เพื่อนของณัฐพลติดต่อตัวแทนบริษัทประกันอีก 2 แห่ง ซึ่งเรียกค่าธรรมเนียมเท่ากับบริษัทแรก ก่อนจะปฏิเสธด้วยเหตุผลคล้ายๆกัน เพื่อนของณัฐพลจึงไปเจรจากับตัวแทนบริษัทประกันรายที่ 4 ซึ่งเป็นรายสุดท้ายที่มีตัวแทนอยู่ที่ศาลบริษัทที่ 4 ตกลงขายประกันให้โดยเรียกค่าธรรมเนียม 15,000 บาท
ตัวแทนบริษัทประกันและเพื่อนของณัฐพลยื่นเอกสารขอปล่อยตัวชั่วคราวในเวลาประมาณ 15.00 น. ศาลเรียกเงินสดเป็นหลักประกันจากเพื่อนของณัฐพลเพิ่มอีก 10,000 บาท ทำให้หลักทรัพย์ค้ำประกันของคดีนี้มีมูลค่ารวม 100,000 บาท
ในเวลาประมาณ 17.30 น. ศาลมีคำสั่งให้ปล่อยตัวณัฐพลชั่วคราว เขาได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพในเวลาประมาณ 21.00 น.
คำพิพากษา
อ่านเมื่อ 8 มิถุนายน 2559
ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องกับศาลชั้นต้น ว่าจำเลยมีพฤติการณ์ทำลายทรัพย์สินให้เสื่อมค่า สมควรคงโทษจำคุกเป็นเวลาหนึ่งปีไว้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่เห็นสมควรให้รอการลงโทษไว้สองปี ตามคำอุทธรณ์ของจำเลยที่ระบุว่า จำเลยมีภาระต้องอุปถัมภ์เลี้ยงดูบุพการี
ในระหว่างรอการลงโทษ ให้จำเลยรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติปีละสามครั้ง และประกอบกิจกรรมบริการสังคมเป็นเวลา 12 ชั่วโมง ขณะเดียวกันเพื่อให้เกิดความหลาบจำต่อการกระทำความผิดศาลอุทธรณ์เห็นควรให้ปรับจำเลยเป็นเงิน 9,000 บาท จำเลยรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งปรับเป็นเงิน 4,500 บาท