- คดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์, คดีมาตรา112, ฐานข้อมูลคดี
“ซัลมาน”: คดีหุ้นตก
ผู้ต้องหา
สถานะคดี
คดีเริ่มในปี
โจทก์ / ผู้กล่าวหา
"ซัลมาน"ถูกฟ้องว่านำข้อมูลเท็จที่เนื้อหาเข้าข่ายหมิ่นประมาทกษัตริย์เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกสามปีแต่ลดโทษให้หนึ่งในสามเหลือจำคุกสองปี
สงวนชื่อจริงตามความประสงค์ของเจ้าตัว
สารบัญ
ภูมิหลังผู้ต้องหา
"ซัลมาน" เป็นชาวซาอุดิอาระเบีย ก่อนถูกจับกุมทำงานซื้อขายหุ้นอยู่กับบริษัทแห่งหนึ่ง โดยอาศัยอยู่กินฉันสามีภรรยากับหญิงชาวไทยที่จังหวัดหนึงในภาคเหนือ จากคำบอกเล่าของภรรยา "ซัลมาน"มักทำงานด้านการกุศลอยู่เป็นประจำ
รู้จัก ซัลมาน ให้มากขึ้น อ่าน 'ซัลมาน': คำพิพากษาและการจากลา [112 The Series]
ข้อหา / คำสั่ง
การกระทำที่ถูกกล่าวหา
เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2553 เวลากลางวัน จำเลยนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยเนื้อหาแสดงความเชื่อมโยงระหว่างกรณีหุ้นตกกับอาการพระประชวรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นเหตุให้ลูกค้าของบริษัท หลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) พบเห็นข้อความอันเป็นเท็จ อันเป็นการดูหมิ่น หมิ่นประมาท พระมหากษัตริย์
โจทก์ขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (2) (3)
พฤติการณ์การจับกุม
"ซัลมาน"ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2553 ที่ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่งในอำเภอแม่สาย ระหว่างเดินทางไปต่ออายุวีซ่า
บันทึกสังเกตการณ์ในชั้นศาล
หมายเลขคดีดำ
ศาล
เนื้อหาอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
คดีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง:
สมเจตน์ อ. / Red_Ghost (คดีหุ้นตก).
คธา ป. / Wet Dream (คดีหุ้นตก).
แหล่งอ้างอิง
ระบบงานสารสนเทศสำนวนคดี, เว็บไซด์ศาลอาญา, อ้างอิงเมื่อ 19 กันยายน 2556
20 สิงหาคม 2553
โจทก์อ้างว่า วันนี้ เป็นวันที่จำเลยนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยข้อมูลดังกล่าวมีเนื้อหาเข้าข่ายเป็นการหมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ และกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
6 ตุลาคม 2553
"ซัลมาน"ถูกจับตัวและถูกควบคุมตัวโดยไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว
พฤศจิกายน 2553
"ซัลมาน"ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเป็นครั้งแรกหลังถูกควบคุมตัวตั้งแต่ถูกจับกุม
8 พฤศจิกายน 2554
สืบพยานโจทก์
9 พฤศจิกายน 2554
สืบพยานโจทก์
15 พฤศจิกายน 2554
สืบพยานจำเลยปากที่หนึ่ง "ซัลมาน"เบิกความเป็นพยานให้ตนเอง
“ซัลมาน”เบิกความตอบอัยการถามค้านว่า ข้อมูลในอินเทอร์เน็ตมีทั้งที่เป็นเรื่องจริงและเรื่องเท็จ สำหรับความรู้เรื่องภาษาไทย “ซัลมาน”เบิกความว่า พอเข้าใจคำพื้นๆ บ้าง แต่อ่านภาษาไทยไม่ออก เมื่อทราบข่าวจากเว็บไซต์วิกิลีกส์และอัลจาซีรา ก็ไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลกับเว็บไซด์อื่นแต่ไปโพสต์ข้อความเลย เมื่อโพสต์ข้อความไปแล้ว โบรกเกอร์ที่”ซัลมาน”ติดต่อด้วยก็ถามว่าเหตุใดจึงโพสต์ข้อความดังกล่าว “ซัลมาน”จึงขอโทษโบรกเกอร์และแจ้งว่าจะเข้าไปขอโทษบริษัทหลักทรัพย์คันทรี่กรุ๊ป ด้วย เกี่ยวกับการแจ้งความดำเนินคดีครั้งนี้ “ซัลมาน”ไม่ทราบเรื่องจนกระทั่งถูกจับกุม
“ซัลมาน”ตอบทนายจำเลยถามติงว่า ในการดูข่าว จะนั่งดูกับภรรยาเพื่อให้ภรรยาเป็นผู้แปล
16 พฤศจิกายน 2554
นัดสืบพยานจำเลย
28 มีนาคม 2555
นัดฟังคำพิพากษา
ศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำพิพากษาซึ่งสรุปความได้ว่า
บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่กรุ๊ป ให้บริการพื้นที่กระดานสนทนาไว้ในเว็บไซต์ของบริษัทชื่อ www.cgsec.co.th เพื่อให้ลูกค้าใช้ติดต่อสื่อสารกับบริษัทและใช้ติดต่อระหว่างกัน ในวันที่ 20 สิงหาคม 2553 มีการโพสต์ข้อความอันเป็นเท็จและเข้าข่ายเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ทางบริษัทตรวจพบจึงระงับการสนทนา เมื่อทำการตรวจพบว่า ข้อความดังกล่าว โพสต์โดยลูกค้าของบริษัท ทางบริษัทจึงทำการฟ้องร้องดำเนินคดี ซึ่งต่อมามีการจับกุมตัวจำเลยในวันที่ 6 ตุลาคม 2553
จำเลยให้การรับสารภาพว่า ได้นำข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศและก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของราชอาณาจักรจริง แต่จำเลยไม่มีเจตนาดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ เมื่อจำเลยรับสารภาพว่าเป็นผู้นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์จริง คดีจึงมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยทำผิดตามฟ้องหรือไม่
ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 2 บัญญัติว่าประเทศไทยมีการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มาตรา 8 บัญญัติว่า องค์พระมหากษัตริย์ดำรงอยู่ในสถานะที่ผู้ใดจะล่วงละเมิดมิได้ มาตรา 70 บัญญัติว่า บุคคลมีหน้าที่พิทักษ์ไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มาตรา 77 บัญญัติว่า รัฐต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ พิจารณาจากบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญย่อมเห็นได้ว่า พระมหากษัตริย์ทรงเป็นที่เคารพสักการะทั้งโดยบทบัญญัติแห่งกฎหมาย และโดยความรู้สึกนึกคิดของประชาชน ข้อความที่จำเลยโพสต์เป็นข้อความที่สร้างความระคายเคืองต่อเบื้องพระยุคลบาท ทั้งจำเลยบังอาจเผยแพร่ข้อความทั้งที่ทราบว่าเป็นความเท็จ จึงเข้าข่ายเป็นการดูหมิ่นต่อองค์พระมหากษัตริย์
แม้จำเลยจะอ้างว่าเป็นคนต่างชาติไม่เข้าใจธรรมเนียมไทย แต่ตามปกติวิสัยของวิญญูชน ย่อมไม่มีใครอยากให้บุคคลชาติอื่นมาดูหมิ่นประมุขของชาติตน ทั้งจำเลยก็อาศัยอยู่ในประเทศไทยมาเป็นเวลากว่าสิบปี และมีครอบครัวกับชาวไทย ย่อมต้องเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของคนไทยที่มีต่อองค์พระมหากษัตริย์ ข้ออ้างของจำเลยที่ว่าไม่ทราบธรรมเนียมไทยจึงฟังไม่ขึ้น พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112 และตามมาตรา 14(2) และ(3) ของพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ให้ลงโทษจำคุก 3 ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสามเหลือจำคุก 2 ปี
หลังศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา “ซัลมาน”ยื่นอุทธรณ์พร้อมยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งภายหลังศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างสู้คดีในชั้นอุทธรณ์
7 มิถุนายน 2555
“ซัลมาน”ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นโดยอุทธรณ์ว่า
“ซัลมาน”ไม่ได้มีเจตนาจะเผยแพร่ข้อความเป็นเท็จ ครั้งแรกเมื่ออ่านข้อความบนเว็บไซด์วิกิลีกส์ก็เข้าใจว่าเป็นเรื่องจริง จึงได้เผยแพร่ข่าวดังกล่าวเพื่อเตือนนักลงทุนโดยไม่ทราบว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นเพียงการปล่อยข่าวหลอกลวงประชาชน
เมื่อทราบว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นเพียงข่าวลือที่ไม่มีมูลความจริง “ซัลมาน”จึงขอโทษบริษัทคันทรีกรุ๊ปและเข้าไปขอโทษผู้จัดการสาขาที่”ซัลมาน”เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นด้วยตนเองด้วย
ข้อความที่”ซัลมาน”โพสต์ไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายปั่นป่วน พยานโจทก์เป็นผู้เบิกความยืนยันเองว่าข้อความดังกล่าวถูกบล็อคไว้ทัน และผู้ที่เห็นข้อความก็มิได้เชื่อในสิ่งที่จำเลยโพสต์ จึงไม่มีความเสียหายปั่นป่วนเกิดขึ้น
สำหรับความเข้าใจต่อวัฒนธรรมไทย แม้”ซัลมาน”จะอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลาสิบปี แต่ก็มิได้เข้าใจธรรมเนียมประเพณีไทยโดยละเอียดดังที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา เพราะแม้”ซัลมาน”จะอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลาสิบแต่ก็ไม่ได้อยู่ในประเทศไทยตลอดเวลาหากแต่ต้องเดินทางไปมาระหว่างประเทศไทยกับซาอุดิอาระเบียเพื่อดูแลแม่ผู้ชรา
นอกจากนี้แม้จะอยู่ประเทศไทยเป็นเวลาสิบปีแต่การติดต่อมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นๆ ของ”ซัลมาน”ก็เป็นไปอย่างจำกัด ดังจะเห็นได้จากการที่”ซัลมาน”ต้องอาศัยล่ามช่วยแปลภาษาในการสื่อสารกับศาลและพนักงานสอบสวน ขณะที่ในชีวิตประจำวัน”ซัลมาน”ก็ต้องอาศัยภรรยาเป็นผู้ช่วยเหลือในการติดต่อและมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่น
ก่อนต้องคดีนี้ “ซัลมาน”แสดงออกถึงความจงรักภักดีมาโดยตลอด ที่บ้านมีการตั้งพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถไว้เพื่อเทิดทูนพระบารมี นอกจากนี้”ซัลมาน”ยังเคยส่งไปรษณียบัตรไปถวายพระพรทั้งสองพระองค์เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ และเคยเดินทางลงมาลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่โรงพยาบาลศิริราชด้วย นอกจากแสดงความจงรักภักดีด้วยการถวายพระพรแล้ว “ซัลมาน”ยังทำงานการกุศลเพื่อแทนคุณแผ่นดินอีกหลายอย่างเช่นบริจาคเงินสร้างมัสยิด เลี้ยงอาหารคนด้อยโอกาส รวมทั้งสอนภาษาอาหรับให้โรงเรียนหรือชุมชนที่ต้องการด้วย
การที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุก ทำให้”ซัลมาน”ต้องประสบกับความลำบากอย่างยิ่ง เพราะ”ซัลมาน”ปัญหาสุขภาพเป็นโรคภูมิแพ้และต่อมลูกหมากโต ไม่เพียงเท่านี้ การลงโทษจำคุกยังทำให้ครอบครัวของ”ซัลมาน”ก็ได้รับความเดือดร้อนไปด้วย เพราะ”ซัลมาน”เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดในครอบครัว ที่สำคัญ”ซัลมาน”เป็นชาวต่างชาติ ตามกฎหมายชาวต่างชาติที่ก่อคดีอาชญากรรมที่มีโทษตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป เมื่อพ้นโทษจะถูกเนรเทศออกจากราชอาณาจักรและขึ้นบัญชีดำห้ามเข้าประเทศเป็นเวลา 99 ปี หาก”ซัลมาน”ถูกลงโทษย่อมทำให้ครอบครัวประสบภาวะบ้านแตกสาแหรกขาด
เนื่องจาก”ซัลมาน”กระทำการโดยปราศจากเจตนา ประกอบกับมีภาระครอบครัวต้องรับผิดชอบดูแล ทั้งก็เคยทำคุณความดีให้กับแผ่นดินไทยและแสดงออกซึ่งความจงรักภักดีมาโดยตลอด ด้วยเหตุผลทั้งหมด “ซัลมาน”จึงขอให้ศาลอุทธรณ์มีเมตตายกฟ้องพิพากษายกฟ้องเพื่อยังประโยชน์แห่งความยุติธรรม
29 สิงหาคม 2556
นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษา สรุปใจความได้ว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 8 บัญญัติว่าองค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ มาตรา 70 บัญญัติว่าบุคคลมีหน้าที่พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มาตรา 77 บัญญัติว่า รัฐต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ ย่อมเห็นได้โดยชัดแจ้งว่า องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงดำรงอยู่ในฐานะประมุขของประเทศ ทรงเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะล่วงละเมิดมิได้ ไม่เพียงแต่ในกฎหมาย แม้ในความรู้สึกของประชาชนชาวไทยตลอดมาตั้งแต่โบราณกาล
การที่จะกล่าววาจาหรือนำข้อความเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ในลักษณะจาบจ้วง ล่วงเกิน เสียดสี หรือก่อให้เกิดความเสียหาย ให้เป็นที่ระคายเคืองต่อเบื้องพระยุคลบาทนั้น หามีบุคคลใดกล้าบังอาจไม่
จำเลยเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทย มีภริยาเป็นคนไทย ยกย่องเทิดทูนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มาโดยตลอด จำเลยย่อมทราบดีถึงฐานะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ การที่จำเลยนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อความซึ่งไม่เป็นความจริง แล้วข้อความดังกล่าวเป็นข้อความที่มิบังควร ทั้งเป็นข้อความที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท จึงเป็นการลบหลู่พระเกียรติยศชื่อเสียงขององค์พระมหากษัตริย์ ถือเป็นการดูหมิ่น
แม้จำเลยจะอ้างว่าเป็นคนต่างชาติ แต่ตามปกติวิสัยวิญญูชนไม่ว่าชาติใด ก็ไม่อยากให้บุคคลชาติอื่นดูหมิ่นพระประมุขของประเทศตน จำเลยอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยเกือบ 10 ปี ย่อมต้องรู้และเข้าใจสำนึกของประชาชนชาวไทยที่มีต่อพระมหากษัตริย์ เมื่อจำเลยนำข้อความอันเป็นเท็จเผยแพร่ในเว็บไซต์ จึงเป็นการใส่ความโดยประการที่น่าจะทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเสื่อมเสียพระเกียรติและถูกดูหมิ่น จึงเป็นการหมิ่นประมาทและดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ตามฟ้อง
ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน
30 ตุลาคม 2556
ครบกำหนดการยื่นฎีกา “ซัลมาน”ตัดสินใจไม่ยื่นฎีกา คดีถึงที่สุด
6 พฤศจิกายน 2556
ภรรยา”ซัลมาน”ยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ
22 มกราคม 2557
“ซัลมาน”ได้รับการปล่อยตัวหลังได้รับพระราชทานอภัยโทษ หลังถูกปล่อยตัว “ซัลมาน”ถูกส่งตัวไปที่สถานีตำรวจนครบาลลุมพินี อันเป็นที่ที่เขาถูกควบคุมตัวครั้งแรก เพื่อรอส่งต่อไปควบคุมตัวที่สถานกักกันคนต่างด้าว สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสวนพลู ก่อนดำเนินการส่งตัวกลับประเทศ
23 มกราคม 2557
ภรรยาของ”ซัลมาน”ยื่นขอประกันตัวกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองด้วยเงินประกัน100,000บาท
24 มกราคม 2557
“ซัลมาน”ได้รับการปล่อยตัวจากสถานกักกันคนต่างด้าว โดยได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวได้ 30 วัน และต้องมารายงานตัวกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2557
19 กุมภาพันธ์ 2557
สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอนุญาตให้”ซัลมาน”ประกันตัวเพื่ออยู่ต่อในราชอาณาจักรอีกหนึ่งเดือน โดยต้องมารายงานตัวกับทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองภายในวันที่ 18 มีนาคม 2557
18 มีนาคม 2557
สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอนุญาตให้”ซัลมาน”ประกันตัวเพื่ออยู่ต่อในราชอาณาจักรอีกหนึ่งเดือน โดยแจ้งว่าครั้งนี้จะให้ประกันตัวเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งหากไม่มีคำสั่งใดๆเปลี่ยนแปลงภายใน30วัน “ซัลมาน”จะถูกเนรเทศออกนอกราชอาณาจักร
8 พฤษภาคม 2557
ภรรยาของ”ซัลมาน”โทรมาแจ้งกับไอลอว์ว่า “ซัลมาน”จะเดินทางกลับประเทศซาอุดิอาระเบียประเทศ ในคืนวันนี่ 8 พฤษภาคม เวลาประมาณ 20.00 น. หลังจากที่ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ไม่อนุญาตให้”ซัลมาน”ประกันตัวเพื่ออยู่ในราชอาณาจักรอีกแล้ว
“ซัลมาน”และภรรยาเดินทางจากบ้านมาที่กรุงเทพตั้งแต่เช้าวันที่7พฤษภาคม เพื่อรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเพื่อรอการส่งตัวกลับประเทศ โดย”ซัลมาน”ซื้อตั๋วเครื่องบินไว้แล้วและนำมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
อย่างไรก็ตามเมื่อเดินทางไปถึงสนามบิน “ซัลมาน”ถูกปฏิเสธไม่ให้ขึ้นเครื่อง เพราะสายการบินที่”ซัลมาน”จองตั๋วมีนโยบายไม่อนุญาตให้ผู้ถูกขึ้นบัญชีดำเดินทาง “ซัลมาน”ต้องซื้อตั๋วเครื่องบินใหม่และรอการเดินทางในวันถัดไป(8พฤษภาคม) โดยในคืนวันที่ 7 พฤษภาคม “ซัลมาน”ถูกควบคุมตัวที่สถานกักกันของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
ภรรยาของ”ซัลมาน”เล่าให้ฟังด้วยว่า ในวันที่7พฤษภาคม “ซัลมาน”ถูกควบคุมตัวไปส่งที่สนามบินโดยไม่ต้องสวมกุญแจมือ แต่ในวันที่ 8 พฤษภาคม “ซัลมาน”ต้องสวมกุญแจมือในระหว่างการเดินทางไปสนามบิน