
5 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 10.40 น. แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย พร้อมด้วยเครือข่ายนิรโทษกรรมนำรายชื่อปฏิบัติการด่วน (Urgent action) ยื่นข้อเรียกร้องถึงเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมให้ปล่อยตัวอานนท์ นำภา นักปกป้องสิทธิมนุษยชนโดยทันทีและไม่มีเงื่อนไข รวมทั้งให้ยกเลิกคำตัดสินว่ามีความผิดและการดำเนินคดีใด ๆ ต่อเขาและบุคคลอื่น ๆ จนถึงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 มีจำเลยคดีการเมืองถูกคุมขังระหว่างคดีถึงที่สุดและยังไม่ถึงที่สุดอย่างน้อย 37 คน
ก่อนหน้านี้ตัวแทนแอมเนสตี้ฯ แจ้งการชุมนุมสาธารณะต่อผู้กำกับการสน.ดุสิต โดยผู้กำกับฯตอบกลับให้พิจารณาพื้นที่ชุมนุมหน้าศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์แทน (บริเวณใกล้กับสะพานชมัยมรุเชฐ) จากนั้นตัวแทนแอมเนสตี้ฯ จึงทำหนังสือยืนยันสิทธิกลับไปอีกครั้ง ผู้กำกับการสน.ดุสิตจึงตอบกลับมาให้แอมเนสตี้ฯไปยื่นหนังสือที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.)
บรรยากาศวันนี้ตั้งแต่เวลา 9.30 น. ตำรวจวางกำลังรอบทำเนียบรัฐบาลและปิดถนนพิษณุโลกจากแยกสวนมิสกวันไปถึงแยกพาณิชยการ จากนั้นเวลาประมาณ 10.30 น. เครือข่ายฯ ตั้งขบวนที่ด้านหน้ากระทรวงศึกษาธิการโดยมีรูปแบบคือ ป้ายไวนิลจำนวนรายชื่อของปฏิบัติด่วนเรียกร้องให้ปล่อยตัวอานนท์ นำภา รถ Le Truck และตัวแทนเครือข่ายที่เดินถือโปสเตอร์ภาพหน้าจำเลยคดีการเมือง จากนั้นจึงเดินจากหน้ากระทรวงศึกษาธิการเดินข้ามแยกสวนมิสกวันเพื่อไปที่หน้ากพร. แต่ติดแนวกั้นของตำรวจบริเวณดังกล่าว ขณะที่ด้านประตู 4 ทำเนียบรัฐบาลหรือฝั่งตรงข้ามกพร. มีกลุ่มผู้ชุมนุมจากขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) สามารถผ่านเข้าไปปักหลักได้ ตำรวจให้เหตุผลว่า เป็นเพราะผู้ชุมนุมมาตั้งแต่ช่วงกลางดึกแล้ว
ระหว่างที่ติดอยู่ที่แยกสวนมิสกวัน ตัวแทนแอมเนสตี้ฯ ปราศรัยวิจารณ์การปิดกั้นพื้นที่ของตำรวจ ท้ายสุดตำรวจไม่ยินยอมให้ผ่านไปต้องจัดกิจกรรม/แถลงข่าวที่หน้าแนวกั้นของตำรวจ โดยสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองพร้อมคณะออกมารับหนังสือบริเวณนี้แทน
ปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ฯ กล่าวว่า เป็นเวลากว่าห้าเดือนแล้วที่อานนท์ นำภาถูกจับกุมคุมขังไม่ได้กลับบ้าน ไม่ได้เจอลูกเมีย และจำนวน 1,938 คนก็คือจำนวนคนที่ถูกดำเนินคดีจากการออกมาใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุม ในจำนวนนี้มี 286 คนที่เป็นเด็ก…สี่ปีที่ผ่านมาเราพบว่า มีการดำเนินคดีกับนักกิจกรรมที่ออกมาใช้สิทธิเสรีภาพการแสดงออกและการเป็นจำนวนมาก มันเป็นเรื่องน่าเศร้ามากๆที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ทั้งที่ประเทศไทย รัฐบาลไทยมีถ้อยแถลงในการประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (HRC) ว่า ประเทศไทยจะลงสมัครสมาชิก HRC ระหว่างปี 2568-2570 และรัฐบาลไทยย้ำให้คำมั่นสัญญาต่อประชาคมโลกที่จะร่วมส่งเสริมสิทธิมนุษยชนในประเทศตัวเอง
สวนทางกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นตอนนี้ ถ้าเกิดประเทศไทยต้องการเป็นสมาชิกของ HRC ควรจะต้องทำตามสิ่งที่ตัวเองประกาศไว้แล้วก็จะต้องเตรียมพร้อมกับหน้าที่เหล่านี้ และก็รับผิดรับชอบในฐานะสมาชิกของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนซึ่งจะต้องจับตามองจากประชาคมโลก คุณจะต้องมีการเคารพคุ้มครองป้องกันและแก้ไขและยกเลิกกฎหมายที่จำกัดสิทธิมนุษยชนโดยเฉพาะจำกัดสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุม โดยวันนี้มีข้อเรียกร้องสามข้อดังนี้
๐ ปล่อยตัวอานนท์ นำภา นักปกป้องสิทธิมนุษยชนโดยทันทีและอย่างไม่มีเงื่อนไข รวมทั้งให้ยกเลิกคำตัดสินว่ามีความผิดและการดำเนินคดีใดๆ ต่อเขาและบุคคลอื่นๆ รวมทั้งเด็ก ซึ่งถูกดำเนินคดีเพียงเพราะการใช้สิทธิมนุษยชนของตน
๐ ระหว่างที่ยังไม่ยกเลิกคำตัดสินว่ามีความผิดและการดำเนินคดี ต้องอนุญาตให้อานนท์ นำภาและนักกิจกรรมคนอื่นมีสิทธิได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว และประกันว่าเงื่อนไขการประกันตัวจะไม่เป็นการจำกัดโดยพลการต่อการใช้สิทธิของตนโดยสงบ
๐ แก้ไข เพิ่มเติม หรือยกเลิกกฎหมายที่ถูกใช้เพื่อจำกัดสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบ เพื่อประกันว่าประเทศไทยจะปฏิบัติตามพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศของตน