“เตรียมล่วงหน้า สั่งก่อนสาย” สูตรสำเร็จสู้โควิด 19 ของนิวซีแลนด์

นิวซีแลนด์ ถือเป็นประเทศหนึ่งที่มีมาตรการการรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ก่อให้เกิดโรคโควิด 19 อย่างทันท่วงที จนถึงวันที่ 10 เมษายน 2563 นิวซีแลนด์มีผู้ติดเชื้อ 1,035 คน และผู้ต้องเฝ้าระวังเป็นไปได้ว่าจะติดเชื้อ 241 คน มีผู้ติดเชื้อที่ได้รับการวินิจฉัยว่าฟื้นตัวแล้ว 277 คน และผู้เสียชีวิต 1 คน ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ร้อยละ 40 เป็นผู้ติดเชื้อที่มาพร้อมกับเชื้อจากต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 22 มกราคม – 10 เมษายน 2563 นิวซีแลนด์มีการตรวจหาเชื้อไปแล้วทั้งสิ้น 58,746 ตัวอย่าง

ล่าสุดสถิติผู้ติดเชื้อเริ่มลดลงแล้ว หลายฝ่ายมองว่า นิวซีแลนด์อยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมได้ดี ภายใต้คำขวัญว่า Unite against COVID-19 หรือ “เป็นหนึ่งเดียวต้านโรคโควิด 19” ลองสำรวจมาตรการ และสิ่งที่รัฐของนิวซีแลนด์ใช้ในวิกฤติการณ์ของโลกครั้งนี้ 

 

ทันสถานการณ์ ความเด็ดขาดคือสูตรสำเร็จของนิวซีแลนด์ 

นับตั้งแต่ช่วงต้นปีใหม่ 2563 มีรายงานพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจำนวนที่ค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นแต่จำกัดวงเฉพาะในจีนเท่านั้น ต่อมาวันที่ 13 มกราคม 2563 เริ่มตรวจพบการแพร่กระจายของไวรัสในฮ่องกง มาเก๊า และประเทศอื่นๆ เช่น ไทย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ขณะนั้นทางการนิวซีแลนด์นำโดยกระทรวงสาธารณสุขได้จัดทีมในการเฝ้าสังเกตการณ์สถานการณ์ และในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์เมื่อมีรายงานการแพร่เชื้อในหมู่ประชาชนที่ไม่ได้เดินทางไปยังจีน ทางการนิวซีแลนด์เริ่มออกมาตรการควบคุมโรคเป็นครั้งแรก 

ขณะที่ประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขประกาศให้โควิด 19 เป็นโรคติดต่ออันตราย ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563

 

ต้นกุมภาห้ามคนมาจากจีนเข้าประเทศ พลเมืองเข้าได้แต่ต้องมีแผนการกักตัว 

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563 รัฐบาลนิวซีแลนด์ประกาศจำกัดไม่ให้ชาวต่างชาติที่เดินทางมาจาก หรือเปลี่ยนเครื่องที่จีนแผ่นดินใหญ่เข้าประเทศ กรณีผู้ที่กำลังเดินทางในระหว่างออกคำสั่งจะต้องอธิบายที่มาที่ไปให้ชัดเจนก่อน ส่วนพลเมืองนิวซีแลนด์และผู้มีถิ่นพำนักถาวรในนิวซีแลนด์ ได้รับการยกเว้นให้เข้าประเทศได้ โดยต้องมีการคัดกรองโรคโควิด 19 ในตอนเข้าประเทศ ถ้าบุคคลใดแสดงอาการของโรคจะต้องถูกตรวจหาเชื้อก่อนเข้าสู่มาตรการกักตัว หากไม่มีอาการจะต้องอธิบายแผนการกักกันตัวและการเดินทางไปที่กักตัว

บุคคลใดไม่มีแผนที่ชัดเจนในการกักตัวจะต้องไปกักตัวในพื้นที่ที่รัฐจัดหาไว้ โดยเจ้าหน้าที่จะส่งตัวไปที่ดังกล่าวโดยตรง และในกรณีที่บุคคลใดมีสถานที่กักตัวและแผนการในการเดินทางแล้ว เจ้าหน้าที่จะเดินทางไปส่งและถูกตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากนั้น เพื่อให้แน่ใจว่า บุคคลดังกล่าวทำการกักตัวจริง ทางการนิวซีแลนด์ยังได้ออกคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการเดินทางของผู้ที่ต้องกักตัวว่า ควรเป็นรถยนต์ส่วนตัว ไม่ใช้รถสาธารณะ และไม่มีข้อยกเว้นในการกักตัวให้กับลูกเรือของสายการบิน

โดยคำสั่งนี้ออกมาเกือบหนึ่งเดือนก่อนที่นิวซีแลนด์จะพบผู้ติดเชื้อรายแรกในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นหญิงมีประวัติการเดินทางไปยังประเทศอิหร่านและเดินทางด้วยเครื่องบินมายังเมืองโอ๊คแลนด์ วันเดียวกันนิวซีแลนด์ออกคำสั่งไม่ให้ชาวต่างชาติที่เดินทางมาจาก หรือเปลี่ยนเครื่องที่อิหร่านและจีนแผ่นดินใหญ่เข้าประเทศ ต่อมาวันที่ 19 มีนาคม 2563 รัฐบาลนิวซีแลนด์สั่งปิดพรมแดน ห้ามบุคคลที่ไม่ใช่พลเมืองหรือผู้ที่มีถิ่นพำนักถาวรเข้าประเทศทั้งหมด

การตัดสินใจปิดพรมแดนในลักษณะเช่นนี้ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์นิวซีแลนด์ จาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีระบุว่า สถานการณ์สาธารณสุขของโลกที่ย่ำแย่ลงอย่างรวดเร็วหมายถึงว่า ภัยคุกคามสุขภาพของชาวนิวซีแลนด์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ การปิดพรมแดนครั้งนี้เกิดขึ้นทั้งที่ไม่มีข้อบ่งชี้ของการแพร่ระบาดในประเทศและมีผู้ติดเชื้อเพียง 28 คนเท่านั้น ทั้งหมดเชื่อมโยงกับต่างประเทศ อาร์เดิร์นย้ำว่า มาตรการดังกล่าวมีความสำคัญหากต้องการหลีกเลี่ยงสถานการณ์เลวร้ายที่สุดอย่างที่เรากำลังเห็นในต่างประเทศตอนนี้

 

ประกาศเข้าสู่ระดับที่ 3 ใช้กฎหมายฉุกเฉิน 

ในการควบคุมโรคของนิวซีแลนด์นั้นมีระบบเตือนภัยระดับชาติสำหรับโรคโควิด 19 (the National Four Stage Alert System for COVID-19) ตั้งแต่การพบผู้ติดเชื้อรายแรกมาจนถึงวันที่ 22 มีนาคม 2563 นิวซีแลนด์ยังคงใช้มาตรการเตือนภัยระดับ 2 คือ “การลด” (Alert Level 2 – Reduce) ซึ่งเป็นระดับที่ยังควบคุมสถานการณ์ของโรคได้อยู่ แต่ต้องเฝ้าระวังการติดเชื้อภายในประเทศ (Community Transmission) และยกระดับเป็นระดับที่ 3 คือ “การห้าม” (Alert Level 3 –  Restrict) ในวันที่ 23 มีนาคม 2563 เนื่องจากมีการติดเชื้อภายในประเทศแล้ว โดยวันดังกล่าวนิวซีแลนด์มีผู้ติดเชื้อ 102 คน จากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 36 คน มี 2 คนที่ไม่มีความเชื่อมโยงถึงการเดินทางในต่างประเทศมาก่อน

เมื่อพบการติดเชื้อภายในประเทศ ก็มีความเสี่ยงว่าจะไม่สามารถควบคุมโรคได้ นำไปสู่คำสั่งให้ประชาชนอยู่บ้าน โรงเรียนและสถาบันการศึกษาใดๆ ปิดตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2563 เป็นต้นมา ยกเว้นธุรกิจที่จำเป็น เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยาและคลินิก สองวันถัดมารัฐบาลนิวซีแลนด์ยกระดับการเตือนภัยระดับ 4 คือ การขจัดโรค (Alert Level  4 – Eradicate) เพื่อทำลายห่วงโซ่การติดเชื้อภายในในประเทศกันเอง ประกาศภาวะฉุกเฉินโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการจัดการฉุกเฉินและประกาศล็อคดาวน์ทั่วประเทศเป็นเวลาอย่างน้อย 4 สัปดาห์ ซึ่งเป็นระยะการฟักตัวของเชื้อไวรัส 2 วงรอบ

เมื่อประกาศภาวะฉุกเฉินแล้วรัฐมนตรีว่าการกระทรวงป้องกันภัยพลเมืองและจัดการฉุกเฉินได้ใช้อำนาจตามกฎหมายจัดตั้งศูนยต่างๆ มีเป้าหมายในการควบคุมโรคเป็นสำคัญ ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจะใช้อำนาจพิเศษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยสาธารณสุข เช่น การสั่งปิดพื้นที่สาธารณะต่างๆ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยไวกาโต้ระบุว่า รัฐบาลมีอำนาจมากกว่าที่เคยมีในช่วงสงครามโลก อย่างไรก็ตามมันมีการตรวจสอบและถ่วงดุลอยู่เพื่อให้แน่ใจว่า มันถูกบังคับใช้ได้สัดส่วนกับความจำเป็น

 

ล็อคดาวน์ ตัดกิจกรรมที่ไม่จำเป็น

“การล็อคดาวน์” ของนิวซีแลนด์ไม่ได้หมายความว่า เป็นคำสั่งให้ทุกคนอยู่ในบ้านเพียงอย่างเดียว ห้ามออกไปไหนเลยทั้งสิ้น ไม่ได้หมายความว่า ธุรกิจห้างร้านต้องปิดหมดทุกที่ ภายใต้มาตรการเตือนภัยระดับ 4 และการล็อคดาวน์ในภาวะฉุกเฉินครั้งนี้ หมายความว่า ประชาชนจะสามารถมีปฏิสัมพันธ์ได้กับคนในบ้านเดียวกันเท่านั้น และควรอยู่บ้านให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยจะต้องอยู่บ้านเดียวเท่านั้น อาจจะย้ายไปอยู่บ้านอื่นเพื่ออยู่ร่วมกับสมาชิกครอบครัวเดียวกันได้ แต่จะต้องไม่ข้ามครอบครัว

โดยการให้อยู่ที่บ้านนั้นมีข้อยกเว้นอยู่บ้าง คือ สำหรับคนที่อาศัยอยู่คนเดียวสามารถไปอยู่กับเพื่อนที่บ้านหลังอื่นได้ และจำกัดแค่บ้านเดียวเท่านั้น นอกจากนี้หากบุคคลใดไม่มีบ้านให้อยู่ในช่วงการล็อคดาวน์ รัฐบาลจะจัดสรรให้ ซึ่งมีค่าใช้จ่าย แต่หากบุคคลดังกล่าวไม่มีเงินเพียงพอจะมีการสนับสนุนทางการเงินเป็นรายบุคคลไป

ประชาชนยังสามารถเดินทางออกนอกบ้านได้ตราบเท่าที่ยังไม่ได้รู้สึกป่วย หรือไม่ได้เพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ประชาชนสามารถเดินทางออกนอกบ้านเพื่อทำธุระได้ เช่น ไปซื้อของตามซูเปอร์มาร์เก็ตและธนาคาร สามารถเดินเล่น ออกกำลังกาย ดื่มด่ำธรรมชาติได้แต่ต้องอยู่ภายในบริเวณพื้นที่ใกล้บ้านเท่านั้น หากต้องออกไปทำธุระก็จะต้องรักษาระยะห่างทางกายภาพ 2 เมตร ตำรวจจะจับตาและสอบถามว่า ออกมาทำอะไร หากไม่สะดวกจะเดินทางออกนอกบ้านยังมีบริการส่งอาหารที่ไม่ใช่อาหารปรุงสำเร็จ

ที่ผ่านมาปรากฏการละเมิดกฎการล็อคดาวน์ของผู้มีชื่อเสียงอย่าง เดวิด คลาร์ก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หัวแถวการควบคุมโรคโควิด 19 ถูกจับได้ว่า ละเมิดกฎถึง 2 ครั้งด้วยกัน เดอะ การ์เดียนรายงานว่า คลาร์กได้ขับรถตู้ที่มีภาพของเขาติดที่ข้างรถไปที่ภูเขาเพื่อปั่นจักรยาน โดยภูเขาดังกล่าวห่างจากบ้านเขาเป็นระยะทาง 2 กิโลเมตร และอีกครั้งหนึ่งเป็นการพาครอบครัวไปที่ชายหาดห่างจากบ้านเขาเป็นระยะทาง 20 กิโลเมตร

หลังจากการละเมิดกฎสองครั้งติดต่อกัน จาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีลดบทบาทของเขาในคณะรัฐมนตรีและกล่าวว่า ในสถานการณ์ปกติคงจะปลดคลาร์กออกจากตำแหน่งแล้ว แต่ตอนนี้ความสำคัญลำดับแรก คือ การรวมตัวกันเพื่อต่อสู้กับโรคโควิด 19 จึงไม่อาจทำให้เกิดภาวะชะงักงันระหว่างการเปลี่ยนผ่านตำแหน่งได้ จึงเป็นเหตุผลที่ยังไม่ปลดคลาร์กออกจากตำแหน่ง แต่เขาจะต้องได้รับผลจากการละเมิดครั้งนี้

เดอะเฮรัลด์รายงานว่า มีผู้ละเมิดกฎการล็อคดาวน์แล้ว 291 คน ไม่นับรวมกรณีของคลาร์ก โดยส่วนใหญ่หากตำรวจพบว่าละเมิด จะถูกเตือนและนำตัวไปส่งไปที่บ้าน ไมค์ บุช ผู้บัญชาการตำรวจให้สัมภาษณ์ว่า ตำรวจใช้แนวทางให้ความรู้แก่ประชาชนและจะจับกุมหากจำเป็น โดยจะดำเนินคดีเฉพาะความผิดร้ายแรงเท่านั้น ทั้งนี้พระราชบัญญัติว่าด้วยการจัดการฉุกเฉินนั้นบัญญัติไว้ว่า หากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของแผนการให้สถานการณ์ฉุกเฉินอาจต้องโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 5,000 เหรียญ หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

ชดเชยการขาดรายได้ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

รัฐบาลนิวซีแลนด์ได้เรียกร้องอย่างหนักให้ประชาชนอยู่กับบ้าน ซึ่งภาวะชะงักงันทางเศรษฐกิจคือราคาที่ต้องจ่ายในการอยู่กับบ้านครั้งนี้ แต่ทางการมองว่า การเริ่มต้นควบคุมโรคก็จะทำให้ประเทศฟื้นตัวได้ไว โดยรัฐบาลนิวซีแลนด์ได้จ่ายเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจใน 2 ลักษณะ คือ สนับสนุนเงินอุดหนุนค่าจ้างแก่ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบและกำลังพิจารณาในการจ้างลูกจ้างออกจากงานหรือลดชั่วโมงการทำงาน และให้เงินอุดหนุนค่าจ้างแก่ลูกจ้างที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่จำเป็นแต่ไม่สามารถเดินทางมาทำงานได้ เนื่องจากข้อจำกัดของแนวปฏิบัติทางด้านสาธารณสุขหรือไม่สามารถปฏิบัติงานจากที่บ้านได้

กรณีบุคคลทั่วไปรัฐจะสามารถช่วยเหลือในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น อาหารในปริมาณที่เหมาะสมหรือที่อยู่อาศัย ซึ่งความช่วยเหลือจะถูกพิจารณาตามแต่สถานการณ์ของบุคคล นอกจากนี้ธนาคารยังให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด 19 เลื่อนการชำระสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยเป็นเวลาสูงสุด 6 เดือน อย่างไรก็ตามดอกเบี้ยยังคงเพิ่มขึ้นและธนาคารจะมีวิธีแตกต่างกันไปตามความจำเป็นของผู้กู้

นอกจากความช่วยเหลือทางการเงินแล้ว รัฐบาลนิวซีแลนด์ยังพยายามกล่าวถึงความเอื้ออารีต่อผู้อื่นในสถานการณ์นี้ โดยแคมเปญของรัฐบาลได้ใช้คำว่า Be kind หรือความเอื้ออารี และยังเป็นประโยคติดปากของอาร์เดิร์น เห็นได้จากการกล่าวต่อสาธารณะอยู่หลายครั้ง ตามไกด์ไลน์ของรัฐบาลแล้วการมีน้ำใจต่อผู้อื่นในสถานการณ์เช่นนี้ คือ การคอยตรวจสอบความเป็นอยู่ของคนใกล้ชิดเสมอๆ เพื่อให้รู้ถึงสถานการณ์และความต้องการความช่วยเหลือ 


เครดิตภาพ: Appointment of the new minister

เรียบเรียงเนื้อหาจาก:

You May Also Like
อ่าน

ผ่านฉลุย! สส. เห็นชอบร่างกฎหมาย #สมรสเท่าเทียม วาระสาม ส่งไม้ต่อให้ สว.

27 มีนาคม 2567 สภาผู้แทนราษฎรมีมติ “เห็นชอบ” ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมในวาระสาม ส่งไม้ต่อให้วุฒิสภาพิจารณาสามวาระ
อ่าน

จับตาประชุมสภา ลุ้น สส. ผ่านร่างกฎหมาย #สมรสเท่าเทียม วาระสอง-สาม

27 มีนาคม 2567 สภาผู้แทนราษฎรมีวาระพิจารณาร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมนวาระสอง-สาม หากสภามีมติเห็นชอบในวาระสาม ร่างกฎหมายก็จะได้พิจารณาต่อชั้นวุฒิสภา