พรรคการเมืองหน้าใหม่ แต่คนในพรรคส่วนหนึ่งเป็นคนหน้าเก่า ทั้งอดีตวุฒิสภา (ส.ว.) และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) มีแกนนำพรรคเป็นลูกศิษย์วัดธรรมกาย มีนักการเมืองท้องถิ่น เจ้าของพื้นที่หันคา จังหวัดชัยนาทและมีนายทุนพรรคเป็นถึงประธานรถสิบล้อระดับอาเซียน พรรคประชาภิวัฒน์ชูธรรมะขับเคลื่อนประเทศ และนำออกแบบอนาคตของประเทศ เสนอนโยบายเพื่อกลุ่มคนขับรถสิบล้อและกลุ่มชาติพันธุ์ หวังใช้ฐานเสียงมวลชนธรรมกาย หันคา และคนขับรถบรรทุกพาเข้าสภา
สามประสานตั้งพรรคใหม่ นักการเมืองสายธรรมกาย-เจ้าแม่ท้องถิ่น-นายทุนรถบรรทุก
พรรคประชาภิวัฒน์จัดตั้งขึ้นในวันที่ 13 กันยายน 2561 ถือเป็นพรรคการเมืองใหม่ที่จัดตั้งสมบูรณ์เป็นอันดับ 3 หลัง คสช. อนุญาตให้จัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ได้ตามกฎหมายพรรคการเมือง พรรคประชาภิวัฒน์เป็นการรวมตัวกันของนักการเมืองที่ใกล้ชิดกับวัดธรรมกาย นักการเมืองท้องถิ่น และนักธุรกิจขนส่งทางรถบรรทุก
นำโดย สมเกียรติ ศรลัมพ์ หัวหน้าพรรค เป็นอดีต ส.ว. นครสวรรค์ และอดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทย เขาเคยเรียกร้องให้บัญญัติศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ และเคยร่วมเคลื่อนไหวกับศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย โดยเฉพาะช่วงที่ คสช. ใช้มาตรา 44 ปิดล้อมพื้นที่เพื่อจับกุมพระธัมมชโย ตัวเขาเองถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไปสอบสวนด้วย ส่วนรองหัวหน้าพรรค พลตรี ไชยนาจ ญาติฉิมพลี เป็นอดีตนายกสมาคมเปรียญธรรมสมาคมแห่งประเทศไทย ก็มีความใกล้ชิดกับวัดพระธรรมกายเช่นกัน
ด้านเลขาธิการพรรค นันทนา สงฆ์ประชา เป็นอดีต ส.ส. ชัยนาท พรรคภูมิใจไทย ซึ่งตระกูลสงฆ์ประชาครองพื้นที่อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท ในการเมืองระดับท้องถิ่นและประเทศมาตั้งแต่รุ่นพ่อหรือ บุญธง สงฆ์ประชา ด้านนายทุนผู้สนับสนุนพรรค คือ ยู เจียรยืนยงพงศ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยและอาเซียน ดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค
ส่งผู้สมัคร ส.ส. 346 เขตและปาร์ตี้ลิสต์ 129 คน มีมหาเปรียญถึง 58 คน
พรรคประชาภิวัฒน์ติด 10 อันดับพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครมากที่สุด ด้วยการส่งผู้สมัคร ส.ส. แบบแบ่งเขต 346 คน และบัญชีรายชื่อ 129 คน ขณะที่เสนอรายชื่อว่าที่นายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรคครบ 3 รายชื่อ ได้แก่ สมเกียรติ ศรลัมพ์, นันทนา สงฆ์ประชา และศาสตราจารย์สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ
นันทนา สงฆ์ประชา กล่าวว่า พรรคประชาภิวัฒน์คิดแตกต่างจากพรรคการเมืองอื่น โดยไม่ดึงอดีต ส.ส. หรือนักการเมืองท้องถิ่น แต่เน้นผู้สมัคร ส.ส. หน้าใหม่เป็นหลักเและให้ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มวิชาชีพที่ทำงานด้านศาสนาซึ่งในพรรคมีผู้สมัคร ส.ส. เป็น “มหาเปรียญ” หรืออดีตนักบวชถึง 58 คน และตัวแทนกลุ่มคนชาติพันธุ์อีกกว่า 20 คน
พรรคการเมืองสายธรรมะ นโยบายเพื่อคนขับรถสิบล้อ
พรรคประชาภิวัฒน์มีสโลแกน “ก้าวด้วยธรรม นำด้วยใจ ออกแบบประเทศไทยใหม่ เพื่อประเทศไทยแห่งอนาคต” มีชุดนโยบายที่ผสมกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ ระหว่างข้อเสนอออกแบบประเทศไทยใหม่ (Redesign Thailand) นโยบายเน้นพระพุทธศาสนา พัฒนาระบบขนส่งโลจิสต์ติกส์ ส่งเสริมผลิตกัญชาเพื่อการส่งออก และสวัสดิการเบี้ยยังชีพผู้สูงวัย เบี้ยแม่เลี้ยงเดี่ยว
ด้านศาสนา พลตรี ไชยนาจ กล่าวว่า พรรคตั้งใจนำคุณธรรมและพระพุทธศาสนามาพัฒนาประเทศ มีนโยบาย 1 ตำบล 1 สำนักงานพระสังฆาธิการ จัดตั้งธนาคารพระพุทธศาสนาและสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระพุทธศาสนา มีงบประมาณดูแลไวยาวัจกรหรือผู้ช่วยเหลือรับใช้พระสงฆ์ ของวัดทุกวัดในประเทศที่มีกว่า 39,000 วัด รวมทั้งดูแลทุกศาสนา
ด้านการออกแบบประเทศไทยใหม่ สมเกียรติ เสนอ 6 ข้อ ได้แก่ 1) สร้างเมืองใหม่ 2) สร้างระบบสาธารณสุขใหม่ 3) สร้างระบบการศึกษาใหม่ 4) สร้างระบบกระบวนการยุติธรรมใหม่ 5) เปลี่ยนระบบราชการเปลี่ยนจากควบคุมตรวจสอบเป็นบริการ 6) สร้างการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น
ด้านเศรษฐกิจ ยู เจียรยืนยงพงศ์ นักธุรกิจด้านระบบขนส่งโลจิสติกส์ มีแนวคิดตอบสนองการดำเนินงานของรัฐบาล คสช. ที่ได้ลงทุนเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงไปยังประเทศต่างๆ ซึ่งไทยมีสินค้าเกษตร และอุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพาระบบโลจิสติกส์อีกมาก นอกจากนี้ ยู ในฐานะประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ซึ่งมีเครือข่ายคนขับรถบรรทุกกว่า 200,000 คัน ยังมีนโยบายเพื่อผู้ประกอบการและคนขับรถบรรทุก เช่น เทคโนโลยีขับรถอัตโนมัติช่วยผู้ขับรถบรรทุก
พรรคประชาภิวัฒน์ ยังชูนโยบายปฏิรูปที่ดิน ส.ป.ก. ให้เป็นพื้นที่ปลูกกัญชาเพื่อการส่งออก และนโยบายสวัสดิการ เช่น เบี้ยยังชีพผู้สูงวัย 5,000 บาท ต่อเดือน และเบี้ยแม่เลี้ยงเดี่ยว 10,000 บาท ต่อเดือน นอกจากนี้ยังสนับสนุนบทบาทกลุ่มชาติพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นเผ่าอาข่า ม้ง และกะเหรี่ยง ในเรื่องสิทธิการทำกิน สิทธิพลเมือง และการค้าขายชายแดนของกลุ่มชาติพันธุ์
ในเรื่องจุดยืนว่าจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกสมัยหรือไม่นั้น พลตรี ไชยนาจ ตอบเพียงว่า เราเป็นพรรคขนาดกลางที่พร้อมสนับสนุนการเล่นการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย