จับตาผลงานคสช. “คืนความสุข”

หลังการเข้ายึดอำนาจ คสช.ประกาศจะ "คืนความสุข" ให้ประชาชน ผ่านนโยบายต่างๆ เช่น ปฏิรูปการศึกษา ปราบปรามยาเสพย์ติด ปราบปรามการลักลอบตัดไม้ ปราบปรามการพนัน ปราบปรามคอรัปชั่น ส่งเสริมพระพุทธศาสนา แก้ปัญหาแรงงานข้ามชาติ แก้ปัญหาคนเร่ร่อน ฯลฯ

ปัญหาต่างๆ ในสังคม ที่มีอยู่แล้วก่อนการรัฐประหารนั้นมากมายเหลือเกิน หลายปัญหาก็มีสาเหตุของปัญหาที่ซับซ้อน จนการแก้ไขนั้นอาจต้องรื้อกันถึงรากเหง้า "อำนาจรัฐแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเพียงพอหรือไม่ที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้ให้หมดไปได้?" มีเพียงคสช.เท่านั้นที่จะเป็นผู้พิสูจน์คำตอบให้กับคำถามนี้

และเมื่อคำตอบปรากฏตัวออกมาให้เห็นผ่านผลงานอันเป็นที่ประจักษ์แล้ว คำถามที่สอง คือ ผลลัพธ์ที่เห็นนั้นจะเปลี่ยนเป็นเครื่องมือย้อนกลับมาตรวจสอบคำมั่นสัญญาที่คสช.ให้ไว้ได้อย่างไร คำถามนี้มีเพียงประชาชนเท่านั้นที่ให้คำตอบได้

 

ยาเสพติด

คสช.ประกาศจะจัดการกับปัญหายาเสพติดให้ได้ โดยออกคำสั่งฉบับที่ 41/2557 เรื่อง การปราบปรามและหยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติด เพื่อเร่งรัดหน่วยงานต่างๆ ให้ปฏิบัติหน้าที่ปราบปราม แก้ไข เยียวยา ปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง

นอกจากนี้ยังมีข่าวการสนธิกำลังระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร ใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกบุกค้นสถานบริการ ชุมชน ที่พักอาศัยต่างๆ รวมทั้งเรือนจำ เพื่อตรวจค้นและจับกุมสิ่งผิดกฎหมาย มีการจัดประชุมหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดนโยบาย โดยเน้นการปฏิบัติงานของเรือนจำเป็นพิเศษ

<<อ่านรายละเอียดผลงานคสช. กับปัญหายาเสพติดได้ คลิกที่นี่>>

 

การพนัน

คสช.ออกคำสั่งฉบับที่ 24/2557 กำชับทุกหน่วยงานเพิ่มมาตรการและความเข้มข้นในการกำกับดูแลมิให้มีการเล่นการพนันที่ผิดกฎหมาย และให้รายงานผลทุกวัน โดยหน่วยงานต่างๆ ก็ขานรับนโยบายและปฏิบัติตาม โดยมีรายงานการบุกเข้าค้นสถานที่ต่างๆ ตรวจยึดสิ่งของผิดกฎหมายและอุปกรณ์การพนันอยู่เป็นระยะ

ต่อมายังมีประกาศ คสช. ฉบับที่ 46/2557 กำหนดให้การทวงหนี้โดยวิธีการข่มขู่ ขืนใจเป็นความผิดมีโทษจำคุกไม่เกินสองปี ปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท และมีข่าวการจับกุมแก็งทวงหนี้โหดตามมาอีกด้วย

 

การศึกษา

คสช. มีการประชุมพูดคุยกับกระทรวงศึกษาธิการ โดยต้องการปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาเพื่อเน้นความรัก ความสามัคคีปรองดอง มีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ 

มีข้อเสนอแผนการที่จะแยกวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมืองออกมาจากกลุ่มสังคมศึกษา ให้เป็นวิชาเฉพาะ ซึ่งจะเตรียมดำเนินการให้ทันภาคเรียนที่สอง ปีการศึกษา 2557 

 

ศาสนาและวัฒนธรรม

ศาสนาซึ่งเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ถูกคาดหมายให้เป็นเครื่องมือสำคัญในการเยียวยาความขัดแย้งและนำความสุขคืนสู่สังคม แต่วงการพระพุทธศาสนาในประเทศไทยก็มักมีมลทินด้วยข่าวการปฏิบัติตัวของคนไม่กี่คน คสช.จึงอยากเร่งแก้ปัญหาและทำนุบำรุงศาสนาให้กลับมามีบทบาทช่วยพัฒนาสังคม

ด้านสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ก็ขานรับคสช. เตรียมจัดตั้ง Hot Line แจ้งภัยพระพุทธศาสนา และเตรียมเร่งดันพ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา เพื่อลงโทษพระภิกษุสามเณรที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสม

<<อ่านรายละเอียดผลงานคสช. กับปัญหาศาสนาและวัฒนธรรมได้ คลิกที่นี่>>

 

ป่าไม้

คสช. ออกคำสั่งฉบับที่ 64/2557 และ 66/2557 เพื่อการปราบปรามและการหยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ และเพิ่มเติมหน่วยงานสำหรับการปราบปราม หยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ หลังจากนั้นมีการแถลงผลงานการกวาดล้างและจับกุมไม้เถื่อนอีกด้วย

<<อ่านรายละเอียดผลงานคสช. กับปัญหาป่าไม้ได้ คลิกที่นี่>>

 

แรงงานข้ามชาติ

ขณะที่สหรัฐอเมริกาลดระดับความน่าเชื่อถือของไทย ในประเด็นค้ามนุษย์ลงไปอยู่ระดับต่ำสุด การจัดการแก้ปัญหาแรงงานข้ามชาติของคสช.ดูจะเป็นเรื่องจริงจัง เพราะไม่กี่วันหลังยึดอำนาจก็ออกคำสั่งฉบับที่ 59/2557 และ 60/2557 จัดตั้งคณะทำงานพิเศษสองชุดเพื่อแก้ปัญหา และต่อมายังออก ประกาศ คสช. ฉบับที่ 70/2557 ตั้ง One Stop Service และ คำสั่งคสช.ฉบับที่ 73/2557 และ 74/2557 ตั้งคณะกรรมการและอนุกรรมการออกมาอีก

ขณะเดียวกันนโยบายนี้ก็ทำให้แรงงานที่ทำงานอยู่ในประเทศไทยเกิดความกลัว เพราะไม่รู้อนาคตตัวเองเลยพากันอพยพออกจำนวนมาก ซึ่งการอพยพออกและการนำตัวส่งออกนั้นก็นำมาซึ่งผลกระทบต่างๆ ด้านชีวิต ร่างกาย และปัญหาสิทธิมนูษยชน

 

คิวรถตู้
คิวรถตู้อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งแออัดไม่เป็นระเบียบ ทำให้รถติดและผู้โดยสารรู้สึกไม่ปลอดภัย เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายคืนความสุขของคสช. ซึ่งทหารและตำรวจได้เชิญผู้ประกอบการคิวรถไปพูดคุย หาทางขึ้นทะเบียน ตรวจสอบคุณภาพ ปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่กินหัวคิวทำให้ค่าโดยสารแพง และย้ายจุดจอดรถไปยังมักกะสัน
พร้อมฟังความเห็นผู้ประกอบการคิวรถ คนขับรถ และผู้โดยสารประกอบ