16 สิงหาคม 2564 สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน (สผผ.) เผยแพร่คำวินิจฉัยผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีที่อัมรินทร์ สายจันทร์ และปราติหารย์ มีคุณ ยื่นคำร้องให้พิจารณาว่ามาตรา 38 (3) ของพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 ซึ่งกำหนดให้บุคคลที่มีสิทธิเลือกตั้งท้องถิ่นจะต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งติดต่อกันไม่น้อยกว่าหนึ่งปีนับถึงวันเลือกตั้ง ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่
สื่ออิสระ นับว่าเป็นกลุ่มคนสำคัญในสนามการชุมนุมที่นับวันมีเหตุความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น เพราะพวกเขาต่างทำหน้าที่เสมือนเป็นหูเป็นตาให้กับประชาชนในยามที่สื่อกระแสหลักไม่สามารถทำหน้าที่ได้ แต่ราคาที่ต้องจ่าย คือ ความเสี่ยงนานับประการ ไม่ว่าจะเป็นการคุกคาม การใช้ความรุนแรง ไปจนถึงการดำเนินคดี ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้สะท้อนให้เห็น "เสรีภาพสื่อที่หายไป" ในสนามการชุมนุม
องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เป็นหน่วยการปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีขนาดเล็กและใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด โดยในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2564 นี้ ประชาชนจะได้มีโอกาสเดินเข้าคูหาเลือกตั้งทั้งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 7 ปี สำหรับการเลือกตั้ง อบต. ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่วันเลือกตั้งเท่านั้น แต่ยังมีวันสำคัญอื่น ๆ ที่ประชาชนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งควรรู้ เพราะอาจจะส่งผลต่อการใช้สิทธิได้
หลังจากที่ถูก “แช่แข็ง” มานับตั้งแต่การรัฐประหาร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เคาะให้วันที่ 28 พฤศจิกายน 2564 เป็นวันที่ประชาชนที่มีชื่ออยู่ในพื้นที่รับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) จะได้เลือกตั้งสมาชิกสภา อบต. และนายก อบต. หลังจากที่ได้เริ่มเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งแรกไปแล้วในระดับจังหวัด คือ องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ไปก่อนเมื่อปลายปี 2563 โดยครั้งสุดท้ายที่มีการจัดเลือกตั้งอบต. ก็ต้องย้อนกลับไปถึงปี 2557 หรือเมื่อเจ็ดปีมาแล้ว
การปรากฏตัวขึ้นของกลุ่มผู้ชุมนุม “ทะลุแก๊ซ” เมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ได้นำไปสู่การปะทะอย่างต่อเนื่องระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ณ บริเวณแยกดินแดง ความรุนแรงที่เกิดขึ้นส่งผลให้มีการจับกุมผู้ชุมนุมซึ่งรวมถึงเด็กและเยาวชนจำนวนมาก ทั้งนี้ กระบวนการและขั้นตอนในการจับกุมเด็กและเยาวชนนั้นมีความแตกต่างจากกระบวนการที่ใช้เมื่อจับกุมผู้ต้องหาที่เป็นผู้ใหญ่ โดยกฎหมายหลักที่ใช้ก็คือ พ.ร.บ.ศาลเยาวชนฯ
10 กันยายน 2564 ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเห็นชอบร่าง #แก้รัฐธรรมนูญ “แก้ระบบเลือกตั้ง” ให้กลับไปใช้บัตรสองใบ ซึ่งมีความ “คล้ายคลึง” กับระบบเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2540 อย่างไรก็ตาม ทั้งสองระบบเลือกตั้งก็ไม่ได้เหมือนกันทั้งหมดเสียทีเดียว แต่มีจุดต่างสำคัญอยู่ที่เกณฑ์คะแนนขั้นต่ำที่พรรคการเมืองจะได้ ส.ส. บัญชีรายชื่อ
การลงมติ #แก้รัฐธรรมนูญ ครั้งนี้ เห็นชอบ 472 เสียง ไม่เห็นชอบ 33 งดออกเสียง 187 เสียง และยังได้รับเสียงเห็นชอบจาก ส.ว. ถึง 149 เสียง นับว่าเป็นปรากฎการณ์ "พลิกโผ" ที่หลายฝ่ายคาดกันว่าร่าง #แก้รัฐธรรมนูญ จะถูกคว่ำด้วยเสียงของส.ว.
10 กันยายน 2564 ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเห็นชอบแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 สำเร็จเป็นครั้งแรก การแก้ไขครั้งนี้เกี่ยวข้องกับระบบเลือกตั้ง โดยหัวใจของการแก้ไขคือ การแก้ไขให้มีบัตรเลือกตั้งสองใบ และให้มี ส.ส.เขต 400 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100
คณะกรรมการกสทช. ชุดแรกดำรงตำแหน่งมาอย่างยาวนานเป็นเวลาถึง 10 ปี นับตั้งแต่ปี 2554 สาเหตุที่อยู่มาได้นานก็เพราะสภาแต่งตั้งของ คสช. ช่วยกันคว่ำกระดานยื้อเวลาการสรรหาชุดใหม่ออกไปเรื่อยๆ ประกอบกับ คสช. ก็ใช้อำนาจ "มาตรา44" ระงับการสรรหากรรมการชุดใหม่
9 สิงหาคม 2564 มีการเผยแพร่เอกสารที่ถูกระบุว่าเป็นข้อมูล "ลับที่สุด" ในโลกออนไลน์ โดยเอกสารดังกล่าวคาดว่าเป็นของกองบังคับการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และประกอบไปด้วยข้อมูลของประชาชน ได้แก่ บรรดานักกิจกรรมหรือนักเคลื่อนไหวทางการเมือง นักการเมือง สื่อมวลชน นักวิชาการ และภาคประชาชน รวมแล้ว 183 รายชื่อ และข้อมูลบัญชีโซเชียลมีเดียอีก 19 บัญชี ซึ่งรายชื่อเหล่านี้ถูกระบุสถานะในเอกสารว่าเป็นกลุ่ม Watchlist หรือกลุ่มที่รัฐกำลังจับตา